สัมภาษณ์สิชล

วงสิชล

วงสิชล

” ความรักไม่ใช่จินตนาการ ไม่ใช่สิ่งเพ้อฝัน แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจริง “

ณ บ้านหลังกะทัดรัดหลังหนึ่งในซอยเพชรเกษม 79 เมื่อพวกเราไปถึงเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา ก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากครอบครัวของพี่วันชัย สุนทรถาวร เจ้าของบ้าน และพี่ฐนิต สุนทรถาวร น้องชาย ซึ่งมารอพวกเราที่บ้านด้วย เอ่ยชื่อออกมาแล้ว เชื่อแน่ว่า หลายคนคงยังงงว่ากำลังพูดถึงใคร แต่ถ้าบอกว่า พี่น้อง 2 คนนี้ก็คือ ศิลปินดังในอดีตที่เป็นเจ้าของเสียงเพลง ” เหม่อมองท้องฟ้า พาใจซึมเซา จิตใจหงอยเหงาร้าวฤทัย….. ” ที่ร่วมร้องเพลงในนาม ” สิชล ” ล่ะก็ ทุกคนคงจะถึงบางอ้อกันล่ะ

photo2  วงสิชล

ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ในอดีตที่พวกเราได้รู้จักวงสิชล ด้วยเสียงเพลงที่คลอด้วยกีตาร์ในสไตล์โฟล์คซอง ก่อให้เกิดคำถามที่ว่า สิชลก่อตัวกันขึ้นมาทำเพลงได้อย่างไร เพราะในช่วงเวลานั้น เป็นช่วงที่เพลงสตริงกำลังอยู่ในความนิยมในหมู่วัยรุ่น ซึ่งทั้งพี่วันชัย และพี่ธนิต ก็จับมือร่วมกันย้อนรำลึกถึงอดีตในวัยเยาว์ และช่วยกันเล่าให้ฟังว่า

” แรกเริ่มเดิมที พวกเราพี่น้องก็เล่นกีตาร์กันแค่ในบ้าน แล้วพวกเพื่อนๆ ก็ชอบมานั่งฟังกัน นานวันเข้า แววศิลปินคงเริ่มออกมั้ง ก็ประมาณปี 21, 22 ตอนนั้นก็อยู่ชั้น ป.6 พวกเพื่อนๆ ก็มาขอให้ร้องเพลงอัดใส่เทปให้ด้วย โดยเลือกเอาเพลงของชาตรีบ้าง นักร้องคนโน้นบ้างคนนี้บ้างหลายๆ คน ซึ่งมันสะใจกว่าไปหาซื้อเทป ซื้อทีได้แค่ 10 เพลง แล้วก็เป็นแค่ศิลปินคนเดียว หรือวงเดียวเท่านั้น แต่พอเราอัดให้ เพื่อนๆ ก็จะได้เพลงหลากหลายตามแต่เค้าจะเลือก ซึ่งตอนหลังๆ นี่ ทั้งเพื่อนพี่สาว และพวกเพื่อนๆ ก็จะจ้างให้ร้องอัดใส่เทป คิดให้เพลงละ 2 บาท ทีแรกก็จะไม่เอาตังค์นะ แต่เพื่อนๆ ก็บอกว่า อัดๆ มาเถอะ….. ”

แววศิลปินของพี่ๆ ทั้ง 2 คนไม่ได้อยู่แค่เล่นกีตาร์เก่ง ร้องเพลงเพราะเท่านั้น พี่ๆ ยังเล่าให้เราฟังอีกว่า

” ช่วงนั้น นอกจากร้องเพลงอัดให้เพื่อนแล้ว พวกเราก็ยังมีเพลงที่แต่งกันเองอยู่หลายเพลง ทีนี้ ก็เลยเกิดความคิดที่จะไปสงวนลิขสิทธิ์เพลง ก็เลยจัดแจงเขียนโน้ตไปเองเลย ไปถึง ก็เจอครูสง่า อารัมภีร์ พอครูสง่ารู้จุดประสงค์ ก็คว้าโน้ตเดินนำไปห้องอัดเสียง เริ่มเล่นเพลงแรกทันที แล้วก็ถามมานะว่า ” เขียนเองเหรอ ” แล้วครูก็เล่นเพลงตามโน้ตทั้ง 10 เพลง พร้อมทั้งแนะนำเพิ่มเติมถึงวิธีการเขียนโน้ตที่ถูกต้องให้ด้วย จริงๆ แล้ว ที่ครูเค้าเล่นดนตรีในวันนั้น ก็เพื่อจะดูว่า โน้ตที่เอามาน่ะ ใช้ได้จริงมั้ย เพราะว่าสมัยนั้น ถ้าดูโน้ตไม่เป็น เขียนโน้ตไม่ได้ ก็ไม่มีสิทธิ์สงวนลิขสิทธิ์ แล้ววันนั้น พอครูเล่นเสร็จ ยังบอกว่า ” หนู เอาให้ดังนะลูก ” จากนั้น พี่ก็เลยรีบกลับมาแก้โน้ต แล้วทำเรื่องสงวนลิขสิทธิ์จนเสร็จเรียบร้อย ”

วงสิชล

เสร็จจากเรื่องลิขสิทธิ์ พวกพี่ๆ ก็คิดจะเดินเรื่องอัดเสียงต่อไป แล้วจะอัดเสียงในนามอะไรล่ะ ลองมาฟังพวกพี่ๆ เค้าพูดต่อดีกว่า

” ทีแรก พวกเราตกลงที่จะใช้ชื่อไทยๆ เหมือนชาตรี ก็เลยไปให้พระตั้งให้ ท่านก็ตั้งมาว่า ” ตรีโกณ ” ( ถึงตอนนี้ ก็เรียกเสียงหัวเราะในวงสนทนากันลั่น ) ตอนนั้นยังคิดกันอีกนะว่า สายชล ก็เพราะดีนะ แต่ก็ไปตรงกับชื่อนักร้องนำวงอินโนเซ้นส์ ทีนี้ก็เลยมานึกกันว่า ถ้าจะเป็นน้ำ พวกเราก็ขอเป็นน้ำน้อยๆ ดีกว่า เลยเลือกที่ชื่อ ” สิชล ” แปลว่า น้ำน้อย ซึ่งมันก็เปรียบ เหมือนกับพวกเราพี่น้องที่มีทุนน้อย ถ้าเจอไฟแรงๆ พวกเราก็คงระเหยไปเลย ”

ถึงตอนนี้ ชื่อวงก็มีแล้ว เพลงก็มีแล้ว สงวนลิขสิทธิ์เรียบร้อยแล้วด้วย มาดูกันว่า พี่ๆ เค้าจัดการเรื่องการเตรียมการ และค่าใช้จ่ายของห้องอัดเสียงยังไง เพราะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย สำหรับเด็กนักเรียนในยุคนั้น

” เรื่องค่าใช้จ่ายนี่ ก็ขอแบ่งเงินจากที่แม่เปียแชร์มาส่วนนึง มาเป็นค่าเช่าห้องอัด และตัดแผ่น เลยมีการแซวกันว่า ได้ดีเพราะแม่เปียแชร์(หัวเราะ) แล้วก็ไปเช่าห้องอัดของครูไพบูลย์ ศุภวารี ก่อนอัดเสียงก็ซ้อมกันก่อนประมาณ 2 เดือน กะให้พร้อมที่สุด เพราะถ้าอยู่ในห้องอัด แล้วหลุด หรือพลาด ก็ต้องเริ่มใหม่ แล้วเราก็ต้องการให้เซฟที่สุดด้วย ใช้เวลาในห้องอัดวันนั้น 3 ชม. ตอนนั้นก็ชม. ละ 300 บาท รวมค่าน้ำมันเสร็จสรรพก็พันนึง ทำกันอยู่ 3 คน มีพี่ 2 คน กับเพื่อนอีกคนชื่อ สมชาย ตอนนี้ก็เสียชีวิตไปแล้ว ”

” อัดเสียงเสร็จตอนนั้น ก็ไปตัดเป็นแผ่นเสียงแผ่นเล็ก แล้วก็มาใช้ปากกาเคมีช่วยกันเขียนชื่อวงบนแผ่นเสียง ก็ตัดได้หลายร้อยแผ่นอยู่ เสียค่าตัดเป็นหมื่น แล้วก็ไปแจกตามสถานีวิทยุ ฝากให้ดีเจช่วยเปิดให้ เที่ยวแจกจนรู้จักทุกสถานีว่า คลื่นไหน อยู่ที่ไหน มีอยู่ทีนึง ไปแจกที่ห้องอัดของครูไพบูลย์ ศุภวารี ตอนนั้นท่านเป็นนายกสมาคมดนตรี ท่านก็ให้โอกาสกับศิลปินทุกคนนะ ไม่ว่าหน้าเก่าหน้าใหม่ ใครไปฝากแผ่นไว้ ก็จะได้รับการเรียงลำดับก่อนหลังรอการเปิด ไม่มีการแซงคิวเลย หลังจากนั้น เพื่อนๆ ก็มาเสนอให้ทำเทปด้วย ก็เลยทำมาซัก 300 ม้วน เผื่อเหลือด้วย เผื่อแจกด้วย กะขายเพื่อนๆ ซัก 50 ม้วน ขายต่อไปอีกซักหน่อยก็จะได้ 100 ม้วน แล้วถ้าเกิน 100 ม้วน ก็เป็นกำไรแล้ว ตอนนั้นก็ขายอยู่ม้วนละ 50 บาท แม้แต่ปกเทปนะ ยังขอให้โรงพิมพ์ใช้กระดาษสี แล้วพิมพ์แค่สีเดียว เพื่อเซฟต้นทุน แล้วก็ไปหาสติ๊กเกอร์น่ารักๆ มาแปะติด หามาได้ 3 ลาย เลยกลายเป็นมีปกเทปอยู่ 3 เวอร์ชั่น ใครชอบลายไหนก็เลือกเอา (หัวเราะ)”

photo5 photo6

“ เทปงวดแรก 300 ม้วนนั่นก็ไม่เหลือเลยนะทั้งขายทั้งแจก พอทำงวด 2 ก็ทำอีก 300 ม้วน แต่คราวนี้พัฒนาปกแล้ว เพราะพอจะมีกำไรจากงวดแรกมาบ้าง งวด 2 ที่ทำออกมา ก็ไปเสนอขายอยู่หลายสิบแห่ง แต่ก็ไม่มีใครรับ เพราะสวนกระแสกับเพลงสตริงในขณะนั้น จนวันนึง เข้าไปที่โซนิคเรคคอร์ด เจอคุณพรชัยซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท และเพิ่งจะได้ยินเพลงของพี่ทางวิทยุพอดี ก็เกิดชอบใจ เพราะเป็นเพลงแนวโฟล์คที่คุณพรชัยชอบเหมือนกัน เลยมีโอกาสได้พูดคุยกัน และคุณพรชัยก็เป็นคนวางแผนโปรโมต จนเทปขายดิบขายดี ผ่านทางสื่อทีวี และวิทยุ แล้วคุณพรชัยก็ยังเป็นผู้คิดสปอตโฆษณาทางวิทยุด้วยตัวเองด้วยนะ …ความรักไม่ใช่จินตนาการ ไม่ใช่สิ่งเพ้อฝัน แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจริง “ สิชล” วงดาวรุ่งดวงใหม่ ขอถ่ายทอดเป็นบทเพลงรักหวานซึ้ง “ รักลืม ” ( คลอเพลง ) “ รักลืม ” บทเพลงที่มีทั้งอดีตและปัจจุบัน เคลือบไว้ทั้งน้ำตาล และน้ำตา สำหรับท่านที่กำลังมีความรัก และท่านที่ถูกรักลืม …

หลังจากงานโปรโมตโดยมืออาชีพแล้ว ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นแน่นอนกับชีวิตของศิลปินหน้าใหม่ 2 ชีวิตนี้ ซึ่งพี่ทั้งสองก็ยอมรับว่า

“ พอมีการโปรโมตผลงานเพลงแล้ว ผู้ฟังก็เริ่มรู้จักเพลงมากขึ้น งานมีมากขึ้น ทั้งออกรายการทีวี เล่นคอนเสิร์ตทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ยังจำได้ถึงวันที่ต้องไปแสดงคอนเสิร์ตที่ภูเก็ต วันนั้นเป็นวันที่ได้ขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรกในชีวิต ในเที่ยวบินนั้น พวกเราก็ได้เจอพวกพี่ๆ วงรอยัลสไปรท์ซึ่งจะไปแสดงคอนเสิร์ตเหมือนกัน ฟังจากที่พี่ๆ เ ค้าพูดกัน ก็เลยได้รู้ว่า พวกพี่ๆ เค้าก็ขึ้นเครื่องบินในวันนั้นเป็นครั้งแรกเหมือนกัน “ วงสนทนาในวันนั้นเลยได้ฮากันอีกรอบ

วงสิชล

ต่อจากอัลบั้มชุดนี้แล้ว ทุกคนคงกำลังรอฟังอยู่ว่า วงสิชลยังมีอัลบั้มชุดต่อไปหรือไม่

“ หลังจากที่อัลบั้มชุดแรกประสบผลสำเร็จแล้ว ช่วงนั้น พอดีพวกพี่ประสบปัญหาทางครอบครัวด้วย มันก็เลยโยงใยให้เกิดปัญหากับทางโซนิค ซึ่งมาคิดๆ ดูตอนนี้แล้ว ก็คิดได้ว่า น่าจะเกิดจากความเข้าใจผิดกัน แต่ในช่วงเวลานั้น ความเป็นเด็กวัยรุ่น ยังอ่อนหัดในงานที่เพิ่งก้าวเดิน ยังมีความมุทะลุอยู่ ทำให้ตัดสินใจแยกตัวออกจากบริษัท การทำงานในอัลบั้มชุดที่ 2 เลยเป็นการทำงานกับบริษัทใหม่ งานเพลงก็ยังเป็นเพลงที่พี่แต่งเองอยู่ ทำการบันทึกเสียง ออกเทปทุกอย่าง แต่ว่า… ทางบริษัทไม่มีการโปรโมตให้ ตอนนั้นก็งงเหมือนกันนะ ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ แต่ตอนนั้นเรามีสัญญาให้เค้าจัดจำหน่ายอยู่ ก็เลยทำอะไรไม่ได้ แล้วหลังจากนั้น เค้าก็ยังให้ทำชุดที่ 3 อีกนะ ทำแล้วก็เหมือนเดิม คือไม่มีการโปรโมต เหมือนกับว่า จะให้ชื่อเสียงเราเป็นตัวโปรโมต สุดท้ายก็คือ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า สิชลมีอัลบั้มชุดที่ 2 และ 3 ออกมาแล้ว พอชุดที่ 4 พวกพี่ก็ออกมาทำกับอีกบริษัทนึง คราวนี้มีเพื่อนมาร่วมวงเพิ่มอีก 4 คน มีกลองเพิ่มขึ้นด้วยนะ ชุดนี้ก็ใช้ชื่อว่า มั่นใจรอ แต่ก็อย่างว่า ช่วงเวลามันทิ้งช่วงมานาน คราวนี้ ก็เลยทำให้ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร “

 

วงสิชลณ ปัจจุบันนี้ หลังจากที่เลิกทำเพลงแล้ว พวกพี่ๆ เค้าทำอะไรกันบ้าง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใครๆ ต่างก็สงสัย เพราะข่าวคราวของพวกพี่ๆ เงียบหายไปจริงๆ ยิ่งแต่ก่อน ตอนที่ออกผลงานเพลง ทั้งปกแผ่นเสียง ปกเทป ไม่มีแม้แต่รูป หรือชื่อพวกพี่ๆ ให้เห็นเลย ข่าวคราวบางข่าวที่ออกมาตอนนี้ ก็มีทั้งข่าวลือต่างต่างนานา ลือแม้กระทั่งว่า ขณะนี ้ นักร้องวงสิชลถึงขั้นพิการด้วยซ้ำไป ซึ่งพี่ๆ ก็ให้ความกระจ่างว่า

“ ก่อนอื่นนะ พวกพี่ก็ต้องขอขอบคุณคุณพรชัยจากโซนิคเรคคอร์ดก่อน ถึงแม้ว่าตอนนั้น จะเกิดการเข้าใจผิดกัน จนต้องจากกันมา แต่ว่าพี่พูดได้เลยนะว่า ตอนนั้นน่ะ ถ้าไม่มีเฮียพรชัย พวกพี่ก็ไม่มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จแน่นอน “

วงสิชล

 

มอลลี่ & พี่ดา : สัมภาษณ์

พี่วันชัย และพี่ฐนิต แห่งวงสิชล ได้ฝากลายมือมาทักทายแฟนๆเวบบ้านเพลงเก่าและแฟนเพลงวงสิชลด้วยค่ะ

วงสิชล

Leave a reply

You may use these HTML tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <s> <strike> <strong>

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.