REWIND……THE CARPENTERS

The Carpenters

ถ้าจะเอ่ยถึงว่า มีวงดนตรีวงไหนบ้างที่นักร้อง นักดนตรี เป็นพี่น้องกัน ถ้าเป็นวงดนตรีของไทยก็คงต้องนึกถึง 2 พี่น้อง อัศนี-วสันต์ โชติกุล เป็นแน่แท้ ส่วนถ้าเป็นของฝรั่งก็ต้องนึกถึง 4 พี่น้องวง THE MOFFATS ที่หน้าตา น่ารักน่าเอ็นดู แถมยังร้องเพลงดี เล่นดนตรีเก่งอีกตั่งหาก แต่ถ้าย้อนลงไปอีกสัก 40 ปีที่แล้ว วงดนตรีที่โด่งดังมากในยุคนั้น เห็นทีจะไม่มีใครดังเท่า 2 ศรีพี่น้อง วง THE CARPENTERS เป็นแน่แท้ แหม ที่เกริ่นเรื่องมาตั้งยืดยาว ก็ไม่ใช่อะไรอื่นไกลหรอกค่ะ วันนี้เราจะพูดกันถึงประวัติของวง THE CARPENTERS กันค่ะ.

จุดเริ่มต้น

Carpentersวง THE CARPENTERS เริ่มก่อตั้งวงในปี ค.ศ 1969 โดย RICHARD CARPENTER และ KAREN CARPENTER โดยRICHARD CARPENTER เกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 1946 ทำหน้าที่ คีย์บอร์ด และร้องนำ ส่วน KAREN CARPENTER เกิดเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 1950 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 1983 เธอทำหน้าที่ในตำแหน่งร้องนำ และมือกลอง ของวง

ความเป็นมา

Carpentersตั้งแต่เยาว์วัย ริชาร์ด เริ่มเล่นเปียโนเมื่ออายุ 12 ปี ในขณะที่ คาเรน น้องสาวสนใจเล่นกลอง ในช่วงต้นยุค’60s 2 พี่น้องคาร์เพนเตอร์ ได้รับสมัครมือเบสเพื่อที่จะตั้งวงแจ๊ส แล้วทั้ง 3 คน ก็ชนะการแข่งขัน HOLLYWOOD BATTLE OF THE BANDS แต่ไม่นาน ก็ยุบวงเพราะ ทั้งริชาร์ดและคาเรน จะหันไปร้องประสานเสียง เพื่อตั้งวง SPECTUM ซึ่งมี ริชาร์ด และคาเรน และเพื่อนร่วมวงอีก 2 คน แต่ก็เป็นวงอยู่ได้ไม่นานเช่นกัน ดังนั้นทั้ง 2 พี่น้องจึงตัดสินใจทดลองทำงานประสานเสียงของตนเอง และออกอัลบั้มในนาม THE CARPENTERS ในสังกัดบริษัท A&M RECORD ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว

ความสำเร็จ

Carpentersปี ค .ศ 1970 พวกเขาได้รับรางวัลจาก BACHRACH DAVID ในฐานะที่ขายได้ถึงล้านแผ่นในเพลง CLOSE TO YOU ซึ่งได้กลายเป็นเพลงฮิตที่ยาวนานที่สุดจนถึงช่วงกลางของยุค 70 และในเวลาเดียวกันนั้น ทั้ง 2 ได้ออกอัลบั้มที่ผลิตขายทั่วโลก ในปี 1974 คืออัลบั้ม THE SINGLES 1969-73 ซึ่งได้กลายเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ขายดีที่สุดตลอดกาล ส่วนการแสดงคอนเสิร์ตก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน

ผลงานที่เป็นที่รู้จัก

YESTERDAY ONCE MORE, THE END OF THE WORLD, SING, TOP OF THE WORLD, MR.POSTMAN

จุดเด่นของ THE CARPENTERS

จุดเด่นในการแสดงของพวกเขา นั้นคงมาจากน้ำเสียงที่กังวานใสของคาเรนและการประสานเสียงอย่างลงตัว ส่วนของริชาร์ด ก็จะมีหน้าที่หลักในการเรียบเรียงเสียงประสาน และทำดนตรีรวมทั้งเล่นคีบอร์ด แม้ว่าบ่อยครั้ง เขาจะถูกวิจารณ์ ตำหนิเกี่ยวกับความเรียบง่ายและนุ่มนวลจนเกินไป แต่ THE CARPENTERS ก็ยังได้รับการยกย่องจากนักดนตรี และผู้อยู่ในอุตสาหกรรมดนตรีอย่างกว้างขวาง

การจากไปของคาเรน

อาการป่วยที่คาเรนได้ประสบในช่วงปลายยุค 70 นั้นส่งผลให้สถานการณ์เป็นนักร้องคู่เริ่มถดถอยลง ถึงแม้ว่าในปี 1981 เพลงMADE IN AMERICA จะยังคงติดอันดับอยู่ในชาร์ตก็ตาม แต่แล้วในที่สุด คาเรนก็ต้องจบชีวิตลง ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว และในที่สุด THE CARPENTERS ก็ต้องจบลงในปีนั้นเอง

หลังการจากไป

Carpentersหลังจากที่คาเรน จากไป ก็ได้มีการสร้างภาพยนตร์ขึ้นในเรื่อง THE KAREN CARPENTERS STORY ซึ่งนำแสดงโดย CYNTHIA GIBB(1989)และเรื่อง ONLY YESTERDAY ซึ่งได้กลายเป็นภาพยนตร์ยอดนิยม สำหรับครอบครัวในเวลาต่อมา ส่วน่ริชาร์ด ก็ยังคงอยู่ในวงการเพลงต่อไป

ที่มาเวบไซต์ all-4-thai.com

จอห์น เลนนอน ชายผู้สร้างสรรค์บทเพลง Imagine

JOHN LENNON CHRONOLOGY
จอห์น เลนนอน เขาจากโลกนี้ไปนานแล้ว ด้วยน้ำมือแฟนเพลงของเขาเอง ชายผู้สร้างสรรค์เพลงสันติภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด กลับเสียชีวิตด้วยความรุนแรงที่เขาต่อต้านมาตลอดและถัดจากนี้คือลำดับวัน-เดือน-ปีของเขาตั้งแต่แรกเกิด จนถึงวันที่ไม่มีลมหายใจของ จอห์น เลนนอน อยู่อีกแล้ว


1940
9 ตุลาคม
จอห์น วินสตัน เลนนอน เกิดในโรงพยาบาล ลิเวอร์พูล มาเทอร์นิตี้ ในลิเวอร์พูล อังกฤษ ระหว่างการโจมตีทางอากาศ พ่อแม่ของเขาอัลเฟร็ด เลนนอน และ จูเลีย สแตนลี่ย์ แต่งงานกันตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 1938
1942
เฟร็ด เลนนอน ทำงานเป็นคนรับใช้ในเรือ หนีจากเรือและขาดการติดต่อกับครอบครัว จอห์น ถูกนำไปอยู่กับป้ามีมี่ สมิธ พี่สาวของ จูเลีย
1945
ฟ. เลนนอน กลับสู่อังกฤษและไปเยี่ยม จอห์น เขาพา จอห์น ไปพักผ่อนช่วงวันหยุดกับเขาที่แบล็คพูล และเริ่มวางแผนสำหรับพวกเขา 2 คนที่จะอพยพไปอยู่นิวซีแลนด์ จูเลีย มาถึงและเผชิญหน้ากัน จอห์น ต้องการอยู่กับพ่อ แต่วินาทีสุดท้ายก็วิ่งออกจากบ้านตามแม่เธอนำเขากลับไปหา ป้ามีมี่ที่เลี้ยงดูเขาจนโตขึ้นมา
1946
จอห์น เข้าโรงเรียนประถมโดเวเดลในลิเวอร์พูล
1952
จอห์นเข้าโรงเรียน ควอร์รี่แบ๊งค์ ในลิเวอร์พูล
1955
จอห์น ตั้งวงสมัครเล่น เดอะควอร์รี่เมน
1956
มิถุนายน
พอล แม็คคาร์ทนี่ย์ อายุ 14 ได้รับการแนะนำให้รู้สึกกับจอห์น ที่ตอนนั้นอายุ 16 ที่โบสถ์ วูสตัน พาริช ในลิเวอร์พูล
1957
จอห์น เริ่มเข้าเรียนวิทยาลัยศิลปะลิเวอร์พูล เขาถูกจับให้เรียนการเขียนแบบตัวหนังสือซึ่งเขาเกลียด ในชั้นเรียนเดียวกัน เขาได้พบกับเด็กสาวชื่อ ซินเธีย เพาเวลล์
1960
จอห์น ก่อตั้งวง เดอะ บีเทิ่ลส์
กันยายน
วงโบฮัมบูร์ก เยอรมนี เล่นในนาม ซิลเวอร์ บีเทิ่ลส์
1961
เดอะ บีเทิ่ลส์ กลับไปเล่นในฮัมบูร์ก
1962
มกราคม/เมษายน/พฤษภาคม
เดอะ บีเทิ่ลส์ กลับไปเล่นที่สตาร์ คลับ ในฮัมบูร์ก
23 สิงหาคม
จอห์น แต่งงานกับ ซินเธีย เพาเวลล์ ที่สำนักจดทะเบียน เมาน์ท พลีเซนต์, ลิเวอร์พูล
กันยายน 4-11
การบันทึกเสียงครั้งแรกของ เดอะ บีเทิ่ลส์ ที่ อีเอ็มไอ สตูดิโอ ถนนจอห์น’ส วู้ด ลอนดอน กับ จอร์จ มาร์ติน ในฐานะโปรดิวเซอร์
1963
7 มีนาคม
อัลบั้ม Please Please Me ออกขายในอังกฤษ
1964
23 มีนาคม
John Lennon In His OwnWrite หนังสือร้อยแก้วและบทกวีเล่มแรกของ จอห์น ตีพิมพ์
1 เมษายน
จอห์น พบพ่อเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี การพบกันครั้งนี้กินเวลา 20 นาที โดยมีจอร์จ และ ริงโก้ อยู่ด้วย
18 เมษายน
จูเลียน เลนนอน เกิดที่โรงพยาบาล เซฟทัน เจเนอรัล ลิเวอร์พูล
19 สิงหาคม/ 21 กันยายน
บีเทิ่ลส์ ทัวร์ครั้งแรกในอเมริกาและแคนาดา
1965
24 มิถุนายน
A Spaniard In The Works หนังสือเล่มที่ 2 ตีพิมพ์
26 ตุลาคม
เดอะ บีเทิ่ลส์ เข้ารับเครื่องราชอิสริยาภรณ์เหรียญ M.B.E. (Member Of The British Empire) จาก สมเด็จพระราบราชินีนาถ เอลิซาเบ็ธ ที่ 2 ที่พระราชวังบั๊คกิ้งแฮม
18 ธันวาคม
อัลบั้ม Rubber Soul ของ เดอะ บีเทิ่ลส์ ออกจำหน่าย
1966
5 สิงหาคม
อัลบั้ม Revolver ของ เดอะ บีเทิ่ลส์ออกจำหน่าย
กันยายน
โยโกะ โอโนะ มาถึงญี่ปุ่นเพื่อการชุมนุมอภิปรายปัญหา Destruction Of Art ที่สถาบันศิลปะร่วมสมัย
กันยายน/ตุลาคม
จอห์น รับบทในหนังครั้งแรก เรื่อง How I Won The War ของ ริชาร์ด เลสเตอร์ ถ่ายที่ที่เยอรมันและสเปน
9-12 พฤศจิกายน
นิทรรศการศิลปะ Unfinished Paintings And Objects โดย โยโกะ โอโนะ จัดที่ อินดิก้า แกลเลอรี่ จอห์น พบ โยโกะ เป็นครั้งแรกในการเปิดแนะนำนิทรรศการก่อนเปิดจริง
1967
Wrapping Event ของโยโกะ แสดงใน ทราฟัลการ์ สแควร์
1 มิถุนายน
อัลบั้ม Sgt. Pepper’s Lonely Heart Club Band ออกวางจำหน่าย
สิงหาคม
เปิดรอบปฐมทัศน์หนัง Film No.4(Bottoms) ของ โยโกะ โอโนะ ที่จาซี่ย์ แท็ตต์เลอร์
27 สิงหาคม
ไบรอัน เอ็ปสไตน์ ผู้จัดการ เดอะ บีเทิ่ลส์ ตายด้วยการใช้ยาเกินขนาดในลอนดอน
กันยายน
นิทรรศการศิลปะ Half Wind Show ของ โยโกะ เปิดแสดงในชื่อ YoKo Plus Me ที่ลิสซัน แกลเลอรี่ในลอนดอน สนับสนุนโดย จอห์น เลนนอน
กันยายน/พฤศจิกายน
บีเทิ่ลส์ ทำหนัง Magical Mystery Tour
7 ธันวาคม
เปิด แอ็ปเปิ้ล ช็อป ของเดอะ บีเทิ่ลส์ ที่ 94 ถนนเบเคอร์ ลอนดอน
1968
5 มกราคม
จอห์น พบพ่อเป็นครั้งที่ 2 ที่บ้านพักของเขาในเวย์บริดจ์
กุมภาพันธ์/เมษายน
บีเทิ่ลส์ ไปริซี่เคช อินเดีย เพื่อศึกษาสมาธิเหนือธรรมชาติที่สถาบันของ มหาริชี่
เมษายน
แอ็ปเปิ้ล คอร์เปอร์เรชั่น ลิมิเท็ด เริ่มทำการที่ 95 ถนนวิกมอร์, ลอนดอน
พฤษภาคม
โยโกะ เยี่ยม จอห์น เป็นครั้งแรกที่ เคนวู้ด บ้านชนบทของเขาในเวย์บริดจ์ และใช้เวลาทั้งคืนฟังเทปทดลองของ จอห์น แล้วก็ทำของพวกเขาอีกชุด จอห์น และโยโกะ ทำงานศิลปะร่วมกันครั้งแรกที่ อาร์ท แล็บดรูรี่เลน, ลอนดอน
15 มิถุนายน
Acorn Event ของ จอห์น และ โยโกะ เปิดที่ เนชั่นแนล สคัลป์เทอร์ เอ็กซิบิชั่น โคเวนทรี่ แคเทดรัล จอห์น และ โยโกะ ปลูกผลของต้นโอ๊คบนพื้น ณ พรีวิวในฐานะคอนเส็ปท์ สัญลักษณ์ของตะวันออกและตะวันตกมาร่วมกัน จอห์น บอก
18 มิถุนายน
เปิดละครของ เนชั่นแนลเธียเตอร์ เรื่อง In His Own Write ดัดแปลงจากหนังสือของ จอห์น โดย เอเดรียน เคนเนดี้ และวิคเตอร์ สปิเน็ตตี้ สำหรับเวทีในแบบละครองก์เดียวที่ โอลค์ วิคเธียเตอร์ ลอนดอน
1 กรกฎาคม
You Are Here นิทรรศการศิลปะครั้งแรกของ จอห์น แคนวาสสีขาวเป็นวงกลมกล่องเก็บของของการกุศลหลากหมาย และลูกโป่งสีขาว 360 ลูกปล่อยสู่ท้องฟ้าที่ โรเบิร์ท เฟรเซอร์ แกลเลอรี่ เมย์แฟร์
22 สิงหาคม
ซินเธีย ฟ้องหย่า จอห์น ข้อหาที่เขามีความสัมพันธ์กับโยโกะ โอโนะ
25 ตุลาคม
จอห์น และ โยโกะ ประกาศว่าพวกเขากำลังจะมีลูกด้วยกัน
18 พฤศจิกายน
ศาลตัดสินให้ จอห์น และ ซินเธีย หย่าขาดจากกัน
21 พฤศจิกายน
โยโกะ เข้าโรงพยาบาล ควีน ชาร์ล็อตต์ เพราะแท้งลูก จอห์น นอนที่พื้นใกล้ ๆ เตียงของเธอ พวกเขาได้อัดเสียงหัวใจของทารกเต้นไว้ก่อนหน้านี้
White Album คู่ของของ เดอะ บีเทิ่ลส์ ออกวางขายเพลงโปรดของ จอห์น คือ Happiness Is A Warm Gun และ I’m So Tried เขาคิดว่าเพลงของเขาในนี้เป็นกลุ่มเพลงที่ดีที่สุดที่เขาเคยบันทึกเสียงมา
28 พฤศจิกายน
จอห์น เสียค่าปรับ 150 ปอนด์กับ 20 กินี หลังจากรับสารภาพมียาเสพติดในครอบครอง
26 พฤศจิกายน
อัลบั้ม Two Virgins ของ จอห์น และ โยโกะ ออกขาย
ตุลาคม/พฤศจิกายน
หนัง Smile และ Two Virgins เปิดปฐมทัศน์ที่เทศกาลหนังชิคาโก
10 ธันวาคม
บ้าน เคนวู้ด ของ จอห์น กับ ซินเธีย ถูกขายทอดตลาด
11 ธันวาคม
จอห์น และ โยโกะ ไปเข้ากล้องหนัง Rock ‘n Roll Circus ของ เดอะ โรลลิ่งสโตนส์
18 ธันวาคม
จอห์น และ โยโกะ ขึ้นเวที Alchemical Wedding ในถุงสีขาวขนาดใหญ่ ที่ รอยัล อัลเบิร์ท ฮอลล์ หรือเรียกว่า Underground’s Christmas Party
1969
มกราคม
เดอะ บีเทิ่ลส์ ถ่ายหนังและบันทึกเสียง Let It Be ที่ทริคเคนแฮม สตูดิโอ
30 มกราคม
เดอะ บีเทิ่ลส์ บันทึก Get Back บนหลังคาตึกแอ็ปเปิ้ล เพื่อถ่ายหนัง
3 กุมภาพันธ์
เดอะ บีเทิ่ลส์ จ้าง เอลเลนไคลน์ นักธุรกิจอเมริกันเป็นที่ปรึกษา
2 มีนาคม
จอห์น และ โยโกะ ในคอนเสิร์ทแจ็ซซ์อวองท์การ์ด ที่เลดี้ มิทเชลล์ ฮอลล์ เคมบริดจ์
20 มีนาคม
จอห์น และ โยโกะ แต่งงานกันเงียบ ๆ ในยิบรอลต้า นอนประท้วงเพื่อสันติภาพบนเตียงที่โรงแรม อัมสเตอร์ดัม ฮิลตัน ระหว่างหนึ่งสัปดาห์ของการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์คู่สมรสพูดกับสื่อทั่วโลกจากเตียงของพวกเขาในห้องสูทหรูหรา
21 มีนาคม
Rape (Film No.6) เปิดรอบปฐมทัศน์ทางออสเตรเลียนเนชั่นแนล เทเลวิชั่น (73 นาที) มี ฮานส์ พรีเนอร์ เป็นโปรดิวเซอร์ จอห์น เลนนอน และ โยโกะ จัดพบปะสื่อมวลชนในถุงนอนที่ ซาเชอร์ โฮเต็ล ในเวียนนา เพื่อถกเถียงเรื่องหนัง
เมษายน
จอห์น และ โยโกะ เริ่มสำนักงานของพวกเขาที่ แอ็ปเปิ้ล โดยมี แอนโธนี่ ฟอว์เซ็ทท์ เป็นผู้ร่วมงาน
22 เมษายน
จอห์น เปลี่ยนชื่อกลางของเขาจาก วินสตัน เป็น โอโนะ
2 พฤษภาคม
Life With The Lions Unfinished No.2 ออกวางขาย
16 พฤษภาคม
จอห์น และ โยโกะ พยายามจะเดินทางร่วมไปกับ ริงโก้ สตารร์ ปีเตอร์ เซลเลอร์ และทีมงานกองถ่าย The Magic Christian บนเรือควีนเอลิซาเบ็ธ ที่ 2 ข้ามมหาสมุทรแอ็ทแลนติค เพื่อประท้วงบนเตียงต่อในอเมริกา หลังจากสัมภาระของพวกเขาถูกนำขึ้นเรือ วีซ่าของ จอห์น ที่เข้าอเมริกาไม่ผ่าน แผนต่อไปที่จะร่วมกับเรือควีนเอลิซาเบ็ธ ที่ 2 โดยเฮลิค็อปเตอร์ใน Mid Chanel ในเหตุการณ์ของการรับรองวีซ่าที่ล่าช้าถูกยกเลิกด้วยเหมือนกัน
24 พฤษภาคม
ในการเผชิญหน้าการปฏิเสธของรัฐบาลอเมริกันที่จะให้ จอห์นเข้าประเทศ ทั้งคู่ตัดสินใจว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำคือจัดประท้วงบนเตียงใกล้ฝั่งอเมริกาพอที่จะถ่ายทอดข้อความสันติภาพ หลังจากเริ่มต้นผิดพลาดที่บาฮามาส ซึ่งพวกเขาพบอากาศร้อนและการต้อนรับที่ไม่ดี ทั้งคู่บินสู่โทรอนโท แคนาดา
26 พฤษภาคม
จอห์น และ โยโกะ ดีเร็ค เทย์เลอร์ และทีมงาน หลังเข้าพักโรงแรม ควีน เอลิซาเบ็ธ ในมอนทรีออล เริ่มต้น Montreal Bed-In ต่อเนื่องนาน 10 วัน
31 พฤษภาคม
Give Peace A Chance บันทึกเสียงจากเตียงของ จอห์น และ โยโกะ ร่วมด้วย ทิโมธี่ และ โรสแมรี่ เลียรี่ ทอมมี่ สมาเธอร์ส แร็บไบ ไฟน์เบิร์ก และ กลุ่ม ฮาเร กฤษณะ ในแคนาดา ทั้งหมดร้องเพลงร่วมกัน
30 พฤษภาคม
เดอะ บีเทิ่ลส์ ออกซิงเกิ้ล The Ballad Of John And Yoko บันทึกความพยายามของ จอห์น และ โยโกะที่จะแต่งงาน แต่งงานกันในที่สุด ประท้วงในเตียงและถุงนอน บันทึกเสียงโดย จอห์น และ พอล ด้วยตัวพวกเขาเอง
7 มิถุนายน
จอห์น และ โยโกะ ปรากฏตัวในรายการ เดอะ เดวิด ฟรอสต์ โชว์
29 มิถุนายน
จอห์น และ โยโกะ พร้อมด้วย จูเลียน (ลูกชาย จอห์น) กับ เคียวโกะ (ลูกสาว โยโกะ) ขับรถมอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวไปในสก็อตแลนด์เพื่อเยี่ยมเยียนญาตพี่น้องของ จอห์น
1 กรกฎาคม
ทั้งสี่ประสบอุบัติเหตุ และถูกนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการช็อคและอาการอื่น ๆ ทันเวลา
6 กรกฎาคม
จอห์น และ โยโกะ บินกลับบ้านจากสก็อตแลนด์ด้วยการเช่าเครื่องบิน
7 กรกฎาคม
Plastic Ono Band ในรูปของหุ่นยนต์ เปิดตัวต่อสายตาคนบนเวทีที่ เชลซี ทาวน์ ฮอลล์ เพื่อโปรโมทเพลง Geiv Peace A Chance ซิงเกิ้ลแรกของวง
กรกฎาคม/สิงหาคม
เดอะ บีเทิ่ลส์ เข้าบันทึกเสียงอัลบั้ม Abbey Road ที่แอ็บบี้ โร้ด สตูดิโอ โยโกะ ที่หลังยอกจากอุบัติเหตุรถยนต์ ย้ายเตียงเข้าไปในสตูดิโอด้วย
สิงหาคม
จอห์น และ โยโกะ ซื้ ทิทเท่นเฮิร์สตร์ พาร์ค แอสค็อท แมนชั่นสไตล์จอร์เจี้ยนกว้าง 80 เอเคอร์ ในราคา 150,000 ปอนด์
หลังเสร็จสิ้นการแสดงคอนเสิร์ทที่ ไอส์ อ็อฟ ไวก์ท บ็อบ ดีแล่น เดินทางไป ทิทเท่นเฮิร์สต์ พาร์ค กับ จอห์น โยโกะ และ จอร์จ แฮร์ริสัน ระหว่างพักอยู่ร่วมกัน จอห์น พยายามชักชวนให้ บ็อบ เล่นเปียโนในเพลง Cold Turkey ที่เขาเพิ่งแต่งเสร็จแต่ บ็อบ พักอยู่ด้วยไม่นานก็จากไป
กันยายน
Two Evenings With John And Yoko ออกฉายที่ นิว ซีเนม่า คลับ ลอนดอน ประกอบด้วย Two Virgins Smilem Honeymoon และครั้งแรกกับ Self Portrait จอห์น และ โยโกะ แกล้งนักข่าวด้วยการส่งตัวปลอมเข้าไปอยู่ในถุง ลงจากรถโรลสลอยสีขาวพร้อมแสงแฟลชวาบ เดินผ่านที่นั่งแล้วขึ้นไปนั่งบนเวทีร้องเพลงสรรเสริญ แฮร์ กฤษณะตลอดการฉาย จอห์น เก็บปฏิกิริยาคนดูด้วยการถ่ายหนังบนฟิล์มอินพรา-เร้ด จอห์น และ โยโกะ กับวงพลาสติค โอโนะ แบนด์ ซึ่งประกอบด้วย เอริค แคลปตัน เคล้าส์ วัวร์แมนน์ และอแลน ไวท์ บินไปโทรอนโท เพื่อร่วมงาน โทรอนโทร ร็อค แอนด์ โรลล์ รีไววัล ที่วาร์สิตี้ สเตเดี้ยม
ตุลาคม
Cold Turkey โดย จอห์น เลนนอน และพลาสติค โอโนะ แบนด์ ออกวางจำหน่าย
20 ตุลาคม
Wedding Album ผลงานของ จอห์น และ โยโกะ ออกวางขาย ชุดนี้เปรียบเสมือนเป็นของที่ระลึกในรูปของภาพถ่ายและเสียงในการแต่งงานของพวกเขาที่ยิบรอลต้า กับการนอนประท้วงเรียกร้องสันติภาพบนเตียงระหว่างดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ประกอบด้วยแผ่นเสียง 2 แผ่น ข่าวที่ตัดเก็บเป็นเล่ม ภาพถ่ายขนมเค้กแต่งงานชิ้นหนึ่งในถุงพลาสติกปิดสนิท โปสการ์ดและรูปงานแต่งงาน หีบห่อที่สวยงามนี้เป็นฝีมือของ จอห์น คอช
พฤศจิกายน
จอห์น และ โยโกะ พักผ่อนที่กรุงเอเธนส์ กรีซ
อัลบั้ม Live Peace In Toronto โดย จอห์น และ โยโกะ กับวง พลาสติค โอโนะ แบนด์ ออกวางจำหน่าย
26 พฤศจิกายน
จอห์น คืนเหรียญ M.B.E. แก่ พระราชินีเอลิซาเบ็ธ เพื่อประท้วงการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในระหว่างไนจีเรียกับเบียฟรา และการสนับสนุนอเมริกาในสงครามเวียตนามของอังกฤษ รวมถึงการที่เพลง Cold Turkey ตกชาร์ท
15 ธันวาคม
จอห์น และ โยโกะ กับวง (ที่มีการเพิ่มสมาชิก) พลาสติค โอโนะ ซูเปอร์กรุ๊ป แสดงสดที่ ไลเซียน แกลเลอรี่ เพื่อหารายได้ให้กับ ยูนิเซฟ 24 Hours รายการโทรทัศน์ของ บีบีซี ทำสารคดีเกี่ยวกับ จอห์น ความยาว 1 ชั่วโมง โดยไปถ่ายที่บ้านที่ ทิทเท่นเฮิร์สต์ ขับรถโรลสลอยสีขาวเข้าลอนดอน ในสำนักงานแอ็ปเปิ้ล และในกองถ่ายหนังเรื่อง Apotheosis ของ จอห์นที่ซัสเซ็กซ์
16 ธันวาคม
จอห์น และ โยโกะ บินไปโทรอนโท แคนาดา ร่วมงานเดอะ มอสพอร์ท พาร์ค พีซ เฟสติวัล พวกเขาพักอยู่กับรอนนี่ ฮอว์กิ้นส์ 5 วัน ให้สัมภาษณ์รายการวิทยุเรื่องสันติภาพ สร้างความสนุกสนานให้กับ ดิ๊ค เกรกอรี่กับแขกรับเชิญคนอื่น ๆ และเล่นสกี
17 ธันวาคม
เปิดแถลงข่าวที่ ออนทาริโอไซเอนซ์ เซ็นเตอร์
18-20 ธันวาคม
จอห์นเซ็นชื่อลงบนภาพพิมพ์หินอีโรติคที่ชื่อ Bag One ของเขาจำนวน 3,000 ภาพที่บ้านไร่ของ ฮอสกิ้นส์ ด้วยความช่วยเหลือของ เอ็ดนิวแมน กับ แอนโธนี่ ฟอว์เซ็ทท์
19 ธันวาคม
จอห์น และ โยโกะ พบกับมาร์แชลล์ แม็คลูฮัน นาน 45 นาที เพื่อบันทึกรายการโทรทัศน์ของ ซี.บี.ซี.
21 ธันวาคม
จอห์น และ โยโกะ กับผู้ติดสอยห้อยตามจำนวนหนึ่งจับรถไฟส่วนตัวระหว่างมอนทรีออล-อ็อททาวา พวกเขาแถลงข่าวที่โรงแรม ชาโตแชมเพลน ในมอนทรีออลที่สถานีมอนทรีออล จอห์น และ โยโกะ พบกับสมาชิกบางคนของคณะกรรมาธิการยาเสพติด
22 ธันวาคม
11.00 น. จอห์น และ โยโกะ เดินทางถึงตึกรัฐสภาและเข้าพบนายกรัฐมนตรีทรูโด เป็นเวลา 51 นาที ที่กระทรวง
สาธารณสุข จอห์น และ โยโกะ เข้าพบ จอห์น มันโร รัฐมนตรีว่าการฯ และข้าราชการชั้นสูงบางคนในกระทรวง
23 ธันวาคม
ครอบครัว เลนนอน กลับถึงลอนดอน
29 ธันวาคม
จอห์น และ โยโกะ บินไปอาลลอร์ก เดนมาร์ค เพื่อเยี่ยม เคียวโกะ ที่อยู่กับ โทนี่ ค็อกซ์ ผู้พ่อซึ่งเป็นสามีคนแรกของโยโกะ กับ เมลินด้า แฟนสาวคนใหม่ของเขาพวกเขาไปถือศีลอดอยู่ในฟาร์ม ทำสมาธิและอดอาหาร แฮมม์ริค และ เลียวนาร์ด บินมาจากแคนาดาเพื่อช่วย จอห์น และ โยโกะ เลิกยาด้วยการสะกดจิต ริทชี่ ยอร์ค และ จอห์น บราวเออร์ มาอาลบอร์กเพื่อถกปัญหาเรื่องเทศกาลสันติภาพส่วน อัลเลน ไคลน์ บินมาจากนิวยอร์ค จอห์น และ โยโกะ ตัดผมสั้นติดหนังหัว
31 ธันวาคม
สถานีโทรทัศน์ เอ.ที.วี. ออกอากาศหนัง 3 ตอนจบเรื่อง Man Of The Decade ที่มองลึกเข้าไปในตัวตนของ จอห์น เลนนอน จอห์น เอฟ เคนเนดี้ และ เหมาเจ๋อตุง กำกับโดย คอลิน คลาร์ด พร้อมข้อสังเกตของเดสมอนด์ มอร์ริส 20 นาที ของการสัมภาษฑ์ จอห์น ได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน
1970
26 มกราคม
จอห์น แต่งเพลง บันทึกเสียง และมิกซ์เสียง เพลง Instant Karma เสร็จภายในวันเดียว ด้วยความช่วยเหลือของ ฟิล สเป็คเตอร์ ในการโปรดิวซ์
กุมภาพันธ์
จอห์น ออกแสดงในรายการ Top Ot The Pops ทางโทรทัศน์ บี.บี.ซี. เพื่อโปรโมท Instant Karma
หนังสือ Grapefruit ของโยโกะ ออกขายในอเมริกาโดยสำนักพิมพ์ ไซม่อน แอนด์ ชูสเตอร์
ภาพพิมพ์เชิงอีโรติค Bag One ของ จอห์น เปิดตัวที่ ลี นอร์ดเนสส์ แกลเลอรี่ ในนิวยอร์ค และมีนิทรรศการที่เดนิส เรอเน่ แกลเลอรี่ ในปารีส
จอห์น และ โยโกะ บริจาคเส้นผมที่พวกเขาตัดออกให้กับ แบล็ค เฮ้าส์ ของ ไมเคิล เอ็กซ์ ในลอนดอนเหนือ
มีนาคม
The Primal Scream หนังสือของ อาร์เธอร์ จาน็อฟ นักจิตวิทยาอเมริกัน ส่งทางไปรษณีย์ถึง จอห์น ที่ ทิทเทนเฮร์สต์ พาร์ค ถัดมาจาน็อฟ บินสู่ลอนดอนเพื่อเริ่มการบำบัดพื้นฐานให้ จอห์น และ โยโกะ
10 เมษายน
พอล แม็คคาร์ทนี่ย์ ประกาศว่าเขาออกจาก เดอะ บีเทิ่ลส์ เพราะความคิดเห็นแตกต่างด้านส่วนตัว ธุรกิจ และดนตรี และออกอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของเขา
8 พฤษภาคม
อัลบั้ม Let It Be ของ เดอะ บีเทิ่ลส์ โปรดิวซ์โดย ฟิล สเป็คเตอร์ ออกวางจำหน่าย
พฤษภาคม
Let It Be หนังสารคดีของ เดอะ บีเทิ่ลส์ ความยาว 88 นาที เปิดรอบปฐมทัศน์
เมษายน-สิงหาคม
จอห์น และ โยโกะ เช่าบ้านในละแวกเบล-แอร์ ลอสแองเจลีส เพื่อรับการบำบัดพื้นฐานที่สถาบัน ไพรมัล หลังจากนั้นบินกลีบ ทิทเทนเฮิร์สต์ พาร์ค เพื่อบันทึกเสียงอัลบั้มชุดแรก John Lennon/The Plastic Ono Band ในห้องบันทึกเสียง 16 แทร็คที่เพิ่งเสร็จสมบูรณ์ของ จอห์น
ธันวาคม
จอห์น และ โยโกะ เยือนนิวยอร์ค ใช้เวลากับ โจนาส มีคาส ทำหนัง Up Your Legs และ Fly
30 ธันวาคม
พอล เริ่มกระบวนการทางศาลเพื่อยุติความเป็นหุ้นส่วนของ เดอะ บีเทิ่ลส์
1971
21 มกราคม
บทสัมภาษณ์ของ จอห์น ต่อ แจนน์ เวนเนอร์ แบ่งตีพิมพ์เป็น 2 ตอน ในนิตยสาร โรลลิ่ง สโตน ที่เวนเนอร์ เป็นเจ้าของและบรรณาธิการ ภายใต้ชื่อเรื่อง The Working Class Hero
10 มีนาคม
ในศาลสูงอังกฤษ มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ให้จัดการทรัพย์สินของ เดอะ บีเทิ่ลส์ อัลเลน ไคลน์ ถูกกันออกจากการจัดการธุรกิจของวง
12 มีนาคม
จอห์น เลนนอน และ เดอะ พลาสติค โอโนะ แบนด์ ออกซิงเกิ้ล Power To People / Open Your Box
15 พฤษภาคม
เทศกาล ฟิล์มเมคอร์ส ฟอร์ทไนก์ท ที่เมืองคานน์ส ฝรั่งเศส ฉายหนัง Apotheosis ความยาว 18 นาที กำกับโดย จอห์น และ Fly ความยาว 50 นาที กำกับโดย โยโกะ
6 มิถุนายน
จอห์น และ โยโกะ ร่วมเล่นคอนเสิร์ทกับ แฟรงค์ ซัปป้า แอนด์ เดอะ มาเธอร์ อ็อฟ อินเวนชั่น ที่ฟิลมอร์ อีสต์ นิวยอร์ค
กรกฎาคม
จอห์น บันทึกเสียงอัลบั้ม Imagine ที่สตูดิโอ ทิทเทนเฮิร์สต์ พาร์ค พร้อมทั้งถ่ายทำหนังการทำงานบันทึกเสียงและช่วงพิเศษต่าง ๆ ควบคู่ไปด้วย
สิงหาคม
จอห์น และ โยโกะ บินสู่เกาะเวอร์จิ้นเพื่อค้นหาเคียวโกะ ลูกสาวของ โยโกะ และต่อไปยังนิวยอร์ค
จอห์น และ โยโกะ ตัดสินใจปักหลักในนิวยอร์ค เช่าอพาร์ทเมนท์ในเวสต์ วิลเลจ และห้องทำงานในย่านโซโห
5 กันยายน
งาน ลอนดอน อาร์ท สเป็คทรัม ฉายหนัง 5 เรื่องของ จอห์น และ โยโกะ : Cold Turkey The Ballad Of John And Yoko Give Peace A Chance Instant Karma และ Up Your Legs
9 กันยายน
อัลบั้ม Imagine ออกวางจำหน่าย
9-27 ตุลาคม
This Is Not Here นิทรรศการของ โยโกะ มี จอห์นเป็นศิลปินรับเชิญเปิดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเวอร์สัน ในเมืองซีราคิว นิวยอร์ค
พฤศจิกายน
จอห์น เล่นคอนเสิร์ทการกุศลที่ อพอลโล่ เธียเตอร์
1 ธันวาคม
Happy Xmas (War Is Over) ซิงเกิ้ลของ จอห์น และ เดอะ โยโกะ โอโนะ พลาสติค โอโนะ แบนด์ ร่วมด้วย ฮาร์เล็ม คอมมูนิตี้ไควร์ ออกวางจำหน่าย
1972
มกราคม
คณะทำงานของอนุกรรมการความมั่นคงภายในของกรรมาธิการศาลแห่งวุฒิสภาพเสนอบันทึกช่วยจำต่อวุฒิสมาชิก สตรอม เธอร์มอนด์ เกี่ยวกับความเกี่ยวพันของ จอห์น กับ เจอร์รี่ รูบิน แอ็บบี้ ฮ็อฟฟ์แมน และเรนนี่ เดวิส นักการเมืองหัวรุนแรงฝ่ายซ้าย
14 กุมภาพันธ์
จอห์น และ โยโกะ ร่วมเป็นพิธีกรรายการ เดอะ ไมค์ ดั๊กลาส โชว์เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ชัค เบอร์รี่ ได้รับเชิญในตอนหนึ่ง และร่วมเล่นสดกับ จอห์น
29 กุมภาพันธ์
วีซ่าเข้าสหรัฐอเมริกาของ จอห์น หมดอายุ
4 มีนาคม
วุฒิสมาชิก สตรอม เธอร์มอนด์ เขียนถึง จอห์น มิทเชลล์ อธิบดีกรมอัยการยุคนั้น แนบบันทึกช่วยจำเหี่ยวกับความคิดหัวรุนแรงของ จอห์น พร้อมความเห็น สิ่งนี้ปรากฏต่อผมว่าเป็นเรื่องสำคัญ และผมคิดว่าคงจะดีที่จับตาในระดับสูงสุด ขณะที่ผมเห็นว่าอาจจะหลีกเลี่ยงเรื่องปวดหัวมากมายได้ถ้ามีการจัดการอย่างเหมาะสมในเวลานี้ มิทเชลล์ ส่งสำเนาบันทึกช่วยจำต่อให้คณะทำงานของทำเนียบขาว
6 มีนาคม
การต่ออายุวีซ่าให้ จอห์นก่อนหน้านี้ 5 วัน ถูกเพิกถอนโดย ซอล มาร์ค ผู้อำนวยการเขตกองตรวจคนเข้าเมืองนิวยอร์ค
29 เมษายน
จอห์น ลินด์เซย์ เทศมนตรีนิวยอร์ค ร้องต่อเจ้าพนักงานรัฐบาลกลางเพื่อขออนุญาตให้ จอห์น และ โยโกะ พำนักอยู่ในอเมริกาได้อย่างถาวร และให้ลบล้างกระบวนการเนรเทศ
24 พฤษภาคม
ซิงเกิ้ล Woman Is The Nigger Of The World แต่งโดย จอห์น และ โยโกะ ออกวางขาย จอห์น รับเชิญร่วมรายการโทรทัศน์ เดอะ ด็อค คาเว็ทท์ โชว์ บอกว่าเขาถูกติดตามโดยสายลับรัฐบาล และมีการดักฟังโทรศัพท์
12 มิถุนายน
Sometime In New York City อัลบั้มคู่ของ อัลบั้ม และ โยโกะ ร่วมด้วยวง เอลิแฟนท์ ส เมมอรี่ ออกวางจำหน่าย
30 สิงหาคม
จอห์น และ โยโกะ จัดคอนเสิร์ทการกุศล One To One ที่ แมดิสัน สแควร์ การ์เด้น นอกจากวง เอลิแฟนท์ ส เมมอรี่ ก็ยังมีศิลปินดังอีกหลายรายเข้าร่วม หารายได้มอบให้บ้านเด็กพิการ วิลโลว์บรู๊ค คอนเสิร์ทถ่ายทอดทางโทรทัศน์ เอบีซี หนัง Erection ของ จอห์น และ โยโกะ ออกฉายรอบปฐมทัศน์ หนังแสดงภาพเวลาที่ล่วงไปของโรงแรมแห่งหนึ่งในลอนดอน ใช้ภาพถ่ายนับร้อย ๆ ภาพที่ถ่ายจากตำแหน่งเดียวในช่วงเวลาหลายปีโดย เลน แม็คมิลแลน
23 ตุลาคม
หนัง Imagine ปฐมทัศน์ทางโทรทัศน์ในอเมริกา
1973
มีนาคม
จอห์น ถูกสั่งให้ออกจากอเมริกาโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง โยโกะ ชนะคดีเลี้ยงดู เคียวโกะ ลูกสาววัย 8 ขวบ ในศาลสหรัฐ แต่อดีตสามี โทนี่ ค็อกซ์ หายตัวไปพร้อมลูกสาว
มีนาคม-กรกฎาคม
ริงโก้ สตาร์ร บันทึกเสียงเพลง I AM The Greatest ที่แต่งโดย จอห์น สำหรับอัลบั้มเดี่ยว Ringo ซึ่งออกวางจำหน่ายวันที่ 2 พฤศจิกายน 1973
มิถุนายน
อัลเลน ไคลน์ ฟ้อง จอห์น เป็นเงิน 200,000 เหรียญ
ตุลาคม
จอห์น และ โยโกะ แยกกันอยู่ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1968 โดย จอห์น บินไปลอส แองเจลีส เพื่อหลบปัญหาจากกองตรวจคนเข้าเมือง
26 ตุลาคม
ซิงเกิ้ล Mind Games / Meat City ของ จอห์น ออกวางขาย
พฤศจิกายน
จอห์น พอล และ จอร์จ ฟ้องกลับ อัลเคน ไคลน์
2 พฤศจิกายน
อัลบั้ม Mind Games ของ จอห์น และ เดอะ พลาสติค ยู.เอฟ.โอโนะ แบนด์ ออกวางจำหน่าย
ตุลาคม-ธันวาคม
จอห์น ชักชวนให้ ฟิล สเป็คเตอร์ โปรดิวซ์อัลบั้มรำลึก ร็อค แอนด์ โรลล์ของเขาพวกเขาเข้าบันทึกเสียงที่เรคอร์ด แพลนท์ สตูดิโอ ในลอส แองเจลีส พร้อมด้วยนักดนตรี 30 คน
1974
มกราคม
จอห์น ยื่นคำร้องต่อ พระราชินีเอลิซาเบ็ธ ว่าด้วยบทลงโทษ 5 ปีเรื่องยาเสพติดของเขา เพื่อจะได้เดินทางเข้าออกอเมริกาอย่างเป็นอิสระ
มีนาคม
จอห์น ถูกไล่ออกจาก ทรูบาดูร์ คลับในลอส แองเจลีส หลังจากมีเรื่องขัดคอกันกับวง เดอะ สโมเธอร์ส บราเธอร์ส
13 มีนาคม
จอห์น กับ เมย์ แป็ง เพื่อนสาวคนใหม่ (อดีตผู้ช่วยของเขา) ร่วมงานที่สถาบันภาพยนตร์อเมริกันจัดเป็นเกียรติให้กับ เจมส์ แค็กนี่ย์
มีนาคม-พฤษภาคม
จอห์นโปรดิวซ์อัลบั้ม Pussy Cats ของ แฮร์รี้ นิลส์สัน ที่ลอส แองเจลีส
17 กรกฎาคม
จอห์น ถูกสั่งให้เดินทางออกจากอเมริกาภายใน 60 วัน หรือโดนเนรเทศออกนอกประเทศ จอห์น ยื่นอุทธรณ์
สิงหาคม
จอห์น กลับไปนิวยอร์คเพื่อทำงานในอัลบั้มใหม่ พร้อมด้วยเพลงที่แต่งขึ้นใหม่ 1 เพลง
ที่ เรคอร์ด แพลนท์ สตูดิโอ จอห์น บันทึกเสียงทุกเพลงในอัลบั้ม Walls And Bridges
จอห์น ช่วย เอลตัน จอห์น เล่นกีต้าร์ และร้องประสานให้ เอลตัน ในเพลงของเขาเองที่ชื่อ Lucy In The Sky With Daimond และ One Day At A Time ทั้ง 2 เพลงออกวางจำหน่ายในรูปซิงเกิ้ลเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 1974
ริงโก้ บันทึกเสียงเพลงของ จอห์น ชื่อ Goodnight Vienna ที่ออกวางจำหน่ายในชื่อเดียวกันเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 1974
23 สิงหาคม
จอห์น เห็นจานบินตอน 9.00 น. จากหลังคาตึกที่เขาอาศัยอยู่
31 สิงหาคม
จอห์น ปรากฏตัวในศาลที่อเมริกา อ้างว่า ประธานาธิบดี นิกสัน พยายามเนรเทศเขาออกจากประเทศด้วยเหตุผลทางการเมือง ไม่ได้เป็นเพราะบทลงโทษเมื่อปี 1968
กันยายน
คณะกรรมาธิการกองตรวจคนเข้าเมืองมีคำสั่งให้ จอห์น ออกนอกประเทศอเมริกาก่อนวันที่ 8 พฤศจิกายน ไม่เช่นนั้นจะโดนเนรเทศ เขายื่นอุทธรณ์อีกครั้ง
23 กันยายน
Whatever Gets You Through The Night ซิงเกิ้ลของ จอห์น ที่มี เอลตีน จอห์น เล่นเปียโนและร้องประสานออกจำหน่าย
26 กันยายน
อัลบั้ม Walls And Bridges โดย จอห์น เลนนอน กับวง เดอะ พลาสติค โอโนะ นิวเคลียร์ แบนด์ ออกวางจำหน่าย
21-25 ตุลาคม
จอห์น กลับเข้า เรคอร์ด แพลนท์ สตูดิโอ เพื่อบันทึกเสียงเพลงใหม่ ๆ ในอัลบั้ม Rock n Roll ของเขา ซึ่งคราวนี้เขาโปรดิวซ์งานเอง
28 พฤศจิกายน
จอห์น ขึ้นเวทีคอนเสิร์ทของเอลตัน จอห์น ที่แมดิสัน สแควร์ การ์เด้น พวกเขาเล่นเพลง Whatever Gets You Through The Night, Lucy In The Sky With Diamon และ I Saw Her Standing There
ธันวาคม
นิตยสาร โรลลิ่ง สโตน ลงรายละเอียดเรื่องการรวมตัวกันที่ผิดกฏหมายเพื่อเนรเทศ จอห์น ออกนอกประเทศอเมริกา
จอห์น และ จูเลี่ยน ลูกชายพร้อมเลขาฯ ส่วนตัว เมย์ แป็ง พักอยู่ที่ ดิสนีย์ เวิร์ลด์ ในฟลอริด้าตลอดวันหยุดช่วงปีใหม่
1975
2 มกราคม
ริชาร์ด โอเวน ผู้พิพากษาศาลแขวงแห่งอเมริกา อนุญาตให้ จอห์น กับทนาย ในการตรวจสอบแฟ้มตรวจคนเข้าเมืองภายใต้เงื่อนไขที่เด่นชัด
มกราคม
การสิ้นสุดที่แท้จริงของวง เดอะ บีเทิ่ลส์ ประกาศที่ลอนดอน
จอห์น กับ โยโกะ กลับอยู่ด้วยกันอีกครั้งที่อพาร์ทเมนท์ ดาโกต้าของ โยโกะ ในนิวยอร์ค ซึ่งเธอตั้งครรภ์ไม่นานจากนั้น
จอห์น เล่นดนตรีในอัลบั้ม Young Americans ของเดวิด โบวี่ ร่วมเขียนเพลง Fame ด้วยกัน นอกจากนั้นยังเล่นกีตาร์ในเพลงของเขาเองที่ โบวี่ นำมาขับร้องใหม่ Across The Universe เพลง Young Americans ออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 1975 เขาเป็นต้นตำรับผู้ยิ่งใหญ่คนสุดท้าย โบวี่ กล่าวถึง จอห์น ไว้อย่างนั้น
กุมภาพันธ์
มอร์ริส เลวี่ แห่ง อดัม เอทเรคอร์ดส์ เริ่มวางตลาดอัลบั้ม Roots ผลงานที่นำมาจากเทปที่ยังบันทึกเสียงเพลงร็อค แอนด์ โรลล์เก่า ๆ ไม่เสร็จสิ้นของ จอห์น
15 กุมภาพันธ์
แคปิตอล เรคอร์ดส์ รีบออกอัลบั้ม John Lennon Rock’n Roll ขณะที่อัลบั้มเถื่อน Roots ถูกคำสั่งห้ามขายหลังจากจำหน่ายไปแล้ว 3,000 ชุด เลวี่ ห้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 42 ล้านเหรียญ
มีนาคม
จอห์น และ โยโกะ ปรากฏตัวพร้อมกันเป็นครั้งแรกหลังกลับคืนดีในงานประกาศรางวัลแกรมมี่
มิถุนายน
จอห์น ขึ้นศาลในแมนฮัลตัน กล่าวหาอดีตอัยการ นายพล จอห์น มิทเชลล์ กับอดีตอัยการ นายพล ริชาร์ด ไคลน์ ดีนส์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐฯ คนอื่น ๆ แห่งกองตรวจคนเข้าเมืองและแปลงสัญชาติว่าการเนรเทศเขาออกจากอเมริกาเป็นเรื่องไม่สมควร
กันยายน
กองตรวจคนเข้าเมืองและแปลงสัญชาติ อนุญาตให้ จอห์น อยู่ในอเมริกาชั่วคราว เนื่องจาก โยโกะ ตั้งครรภ์
7 ตุลาคม
ศาลอุทธรณ์แห่งอเมริกายกเลิกคำสั่งเนรเทศ สงครามระหว่าง จอห์น กับกองตรวจคนเข้าเมืองสิ้นสุดแล้ว ทั้งยังตัดสินว่ากฎหมายอังกฤษที่สั่งห้าม จอห์น เมื่อปี 1968 ถือเป็นความอยุติธรรมในมาตรฐานกฎหมายอเมริกา
9 ตุลาคม
วันเกิดของ จอห์น และเป็นวันที่ ฌอน โอโนะ เลนนอนถือกำเนิดที่โรงพยาลาลนิวยอร์ค หนูน้อยสุขภาพแข็งแรง น้ำหนักแรกเกิด 8 ปอนด์ 10 ออกซ์ ผมรู้สึกว่าตัวเองสูงกว่าตึกเอ็มไพร์ สเตทอีก จอห์น กล่าว
24 ตุลาคม
อัลบั้ม The Shaved Fish รวมเพลงระหว่างปี 1969-1975 ของ จอห์น วางจำหน่าย
1976
มกราคม-กุมภาพันธ์
การฟ้องร้องระหว่าง จอห์น กับ มอร์ริส เลวี่ เรื่องอัลบั้ม Rock n Roll และการละเมิดลิขสิทธิ์เพลง You Can’t Catch Me ของ ชัคเบอร์รี่ ที่ศาลแขวงของอเมริกา
20 กุมภาพันธ์
ผู้พิพากษา กรีซ่า อ่านสำนวนความเห็นของคดี เลนนอน/เลวี่ ความยาว 29 หน้า ชี้ว่าเป็นการตกลงปากเปล่าระหว่าง เลนนอน กับ เลวี่ แต่ จอห์น แทรกขึ้นมาว่าไม่ใช่ตัวแทนอิสระ (free agent)
มีนาคม
คดี เลนนอน/เลวี่ ได้รับพิจารณา ทั้งทาง แคปิตอล อีเอ็มไอ และ จอห์น เรียกร้องค่าเสียหายจากรายได้ที่หายไป จอห์น ยังเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดจารกการหย่อนคุณภาพของงานซึ่งมีผลกระทบต่ออาชีพของเขา ผู้พิพากษากรีซ่า ตัดสินให้ จอห์น ได้รับค่าชดเชยที่ถูกทำให้เสียชื่อเสียงเป็นเงิน 45,000 เหรียญ
พฤษภาคม
จอห์น และ โยโกะ พร้อมด้วยลูกชาย ฌอน กับพี่เลี้ยงบินไปลอส แองเจลีส เพื่อเจรจาเรื่องธุรกิจ และใช้เวลาร่วมกับ ริงโก้ ในห้องบันทึกเสียง
มิถุนายน
จอห์น และ โยโกะ พร้อมครอบครัวย้ายเข้าบ้านที่ลองไอส์แลนด์ ตอนหน้าร้อน แคปิตอล เรคอร์ดส์ นำเอาผลงานเก่า ๆ ของ เดอะ บีเทิ่ลส์ชุด The Beatles และ Rock n Roll Music มาออกใหม่
27 กรกฎาคม
คำขอร้องในการเป็นพลเมืองอเมริกันของ จอห์น ได้รับการอนุมัติเป็นกรณีพิเศษต่อหน้าผู้พิพากษา ไอร่า ฟีลด์สทีล เมื่อเขาได้รับกรีนการ์ด หมายเลข A17-597-321 จอห์น กล่าวภายหลังการติดสินว่า เหมือนกับคนอื่น เขาวางแผนที่จะอุทิศตัวเองให้กับ ภรรยา ลูก ๆ และ งาน
1977-1979
ครอบครัว เลนนอน บินไปญี่ปุ่นบ่อย ๆ และพักอยู่ที่นั่น เป็นเดือน ๆ พวกเขากว้านซื้อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยการซื้อหุ้นตึกอพาร์ทเมนท์ดาโกต้าในนิวยอร์ค จากนั้นก็ซื้อฟาร์มโคนมที่อยู่ทางตอนเหนือของนิวยอร์ค และอาคารสำคัญ ๆ อีกหลายแห่ง รวมทั้งบ้างที่ปาล์ม บีช ฟลอริด้า และภูเขาลูกหนึ่ง ในรัฐนิวยอร์ค
จอห์น และ โยโกะ ซื้อหน้าโฆษณาเต็มหน้าในหนังสือพิมพ์ชั้นนำหลายฉบับ รวมทั้ง เดอะ นิวยอร์ค ไทม์ส และ ลอส แองเจลีส ไทม์ส ลงข้อความว่า ให้เวลาเราสักนิดเพื่อค้นหาว่าเราอยากทำอะไร
จอห์น กลายเป็นคนถือสัญโดษ ขั้วที่สลับกัน โยโกะ กลายเป็น พ่อบ้าน เลี้ยงลุก ทำอาหาร ขณะที่ โยโกะ กลายเป็นคนดูแลเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ของครอบครัว
1980
20 มีนาคม
จอห์น และ โยโกะ ฉลองครบรอบการแต่งงานปีที่ 11 ที่บ้านใหม่ของพวกเขาในเวลต์ ปาล์ม บีช ฟลอริด้า จอห์น ให้ดอกการ์ดีเนีย 500 ดอกและเพชรรูปหัวใจกับโยโกะ ส่วนเธอซื้อโรลสลอยให้เขา
4 สิงหาคม
จอห์น และ โยโกะ เริ่มต้นการเข้าห้องบันทึกเสียงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ ฮิทแฟ็คทอรี่ นิวยอร์ค ซิตี้
9 กันยายน
จอห์น และ โยโกะ เริ่มการสัมภาษณ์ที่ยาวนานกับนิตยสาร เพลย์บอย ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 28 กันยายน กินเวลา 18 วัน
22 กันยายน
จอห์น เซ็นสัญญากับบริษัทเพลงใหม่ เก็ฟเฟน ที่มี เดวิด เก็ฟเฟน อดีตผู้บริหารวอร์เนอร์ เป็นเจ้าของ ชื่ออัลบั้มคือ Double Fantasy เป็นผลงานชุดแรกในรอบ 5 ปีของเขา
29 กันยายน
บทสัมภาษณ์ จอห์น และ โยโกะ ถูกตีพิมพ์ในนิตยสารนิวสวีค
9 ตุลาคม
ในการฉลองวันเกิดปีที่ 40 ของ จอห์น และ ฌอน ในวัย 5 ขวบ โยโกะ ส่งข้อความแห่งรักบนฟากฟ้าเหนือแมนฮัดตัน
24 ตุลาคม
ซิงเกิ้ลแรก (Just Like) Starting Over ออกวางจำหน่ายในอังกฤษ
15 พฤศจิกายน
ริงโก้ พบ จอห์น ที่อพาร์ทเมนท์ ดาโกต้า จอห์น มอบเพลงใหม่ให้ ริงโก้ 4 เพลง
17 พฤศจิกายน
อัลบั้ม Double Fantasy จำหน่ายในอังกฤษ
21 พฤศจิกายน
จอห์น และ โยโกะ เปลือยกายและร่วมรัก เพื่อให้ อัลลัน ทันเนนบอม ถ่ายภาพ
5 ธันวาคม
จอห์น ให้สัมภาษณ์นิตยสาร โรลลิ่ง สโตน
6 ธันวาคม
จอห์น และ โยโกะ ให้สัมภาษณ์รายการวิทยุ บีบีซี
8 ธันวาคม
ตอนบ่าย จอห์น ให้สัมภาษณ์รายการวิทยุ หลังจากใช้เวลาช่วงเย็นที่สตูดิโอ ฮิทแฟ็คทอรี่ จอห์น และ โยโกะ เดินทางกลับอพาร์ทเมนท์ดาโกต้า ตอนนั้นเป็นเวลา 23.07 น. ขณะที่พวกเขากำลังเดินทางไปถึงทางเข้าตึก จอห์น ก็ถูกยิงในระยะประชิด 5 นัดโดยแฟนเพลงคนหนึ่ง ท่ามกลางความตระหนกตกใจ เขาถูกนำส่งโรงพยาบาล แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว สิ้นใจระหว่างทาง
9 ธันวาคม
ทั่วโลกโศกเศร้ากับการจากไปอย่างกะทันหันของ จอห์น เลนนอน ริงโก้ และ บาร์บาดร่า เดินทางมาอพาร์ทเมนท์ดาโกต้าเพื่อดูแล โยโกะ แต่แล้วก็ฉุนเฉียวเนื่องจากการรุมล้อมของบรรดาแฟน ๆ ที่ฟูมฟาย พอล โทรศัพท์มาปลอบ โยโกะ ขณะที่ จอร์จ แสดงความเสียใจผ่านสื่อมวลชน
14 ธันวาคม
หนึ่งทุ่มตรงตามเวลากรีนิช หลายประเทศทั่วโลกยืนไว้อาลัย จอห์น เลนนอน เป็นเวลา 10 นาที