บ้านเพลงเก่า

บทเพลงใต้แสงดาว – ศุ บุญเลี้ยง

หลายๆ คน ไม่จัดว่า “ศุ บุญเลี้ยง” อยู่ในกลุ่มเพลงเพื่อชีวิต แต่ผมว่าถ้าใครจะตีความคำว่า “เพลงเพื่อชีวิต” จำกัดแค่เพลงที่เกี่ยวกับ การเมือง เพลงที่ด่ารัฐบาล เพลงปฏิวัติ หรือเพลงอนุรักษ์ ผมว่าคนคนนั้น คิดแคบมาก
คำว่า “ศิลปะเพื่อชีวิต” ที่ ‘จิตร ภูมิศักดิ์’ นิยามไว้ หมายถึง ศิลปะที่สนองชีวิต มากกว่าตัวมันเอง (บทความ: ศิลป์เพื่อศิลป์-ศิลป์เพื่อชีวิต โดย จิตร ภูมิศักดิ์) เพลงที่ให้กำลังใจคนได้ เพลงที่ใช้ท่วงทำนอง ปลอบประโลมวิญญาณเหงาของคน ของพี่จุ้ย หลายๆ เพลง เพลง pop หลายๆ เพลงก็จัดว่าเป็น “ศิลปะเพื่อชีวิต” ได้เช่นกัน เอาเป็นประเด็นนี้ เราคงมีโอกาสถกกันวันหลัง ตอนนี้ขอพูดถึง บทเพลงใต้แสงดาวก่อนละกัน
ศุ บุญเลี้ยง        ผมชอบเพลง “บทเพลงใต้แสงดาว” มาก นับตั้งแต่ได้ยินครั้งแรก สาเหตุคือ เนื้อหา ที่ดูเรียบง่าย เข้าใจง่าย แต่ลึกซึ้งในความหมาย ยิ่งรู้ที่มา ก็ยิ่งชอบ เพราะมันเกิดจากบรรยากาศของ “ค่ายฯ” เช่นกัน เพลงนี้ได้รับรางวัล พิฆเนศทองคำ นักร้องชายยอดเยี่ยม ลองอ่านดูละกัน เอามาจาก Writer อีกแล้วครับ :

ผมได้รับชวนให้ไปถ่ายทำรายการทุ่งแสงตะวัน ปกติแล้วรายการนี้ผมเป็นคนช่วยดูแลเพลงประกอบอยู่ แต่นานๆ จึงจะได้ไปกับเขาสักครั้งหนึ่ง มีอยู่ตอนหนึ่งที่เขาจะไปถ่ายทำบนโรงเรียนเรือนแพ ทีมงานเขาบอกว่า บรรยากาศที่จะไปถ่ายทำบนโรงเรียนแห่งนี้เด็ดขาดมาก เด็กๆ เรียนกันอยู่บนแพ และเขาตั้งชื่อตอนว่า เรือนแพ-เรือนเพลง เขาอยากจะให้ผมไปเล่นดนตรี ร้องเพลงกับเด็กๆ บนแพ ผมก็เลยนั่งรถ และนั่งเรือหางยาวไป ผมซึ่งมีหน้าที่แต่งเพลงประกอบอยู่แล้ว ก็เลยแต่งมันที่นั่นเลย ท่อนแรกที่แต่ง ผ่านไปเหมือนกับสายน้ำไหล นั่งอยู่ริมน้ำ พร้อมกับนึกว่าเดี๋ยวเราก็ต้องจากกับเด็กแล้ว ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป เราไม่ได้มาช่วยอะไรเขาหรอก แต่งไปจนจบท่อนแรก ท่อนสองก็นึกถึงแง่ดีขึ้นมาว่าบางอย่างมันอาจจะผ่านไป แต่บางอย่างมันก็วนกลับมา หากชีวิตเผชิญกับโชคชะตา ให้วันเวลาบ่มเธอขึ้นมาสู้มัน
ท่อนที่ 3 แต่งต่อไม่ได้ ก็ขึ้นไปบนหลังคาเรือนแพ ตั้งใจว่าจะดูดาวสวยๆ หรือพระจันทร์ดวงกลมๆ พอขึ้นไปกลับพบว่า เมฆมันบังหมดเลย ผมก็เลยเขียนต่อว่า ‘หากมีเมฆมาบดบัง แต่เราก็ยังเฝ้ารอ เฝ้ารอ ค่ำคืนหนาวที่แสงแห่งดาวถักทอ ขอเธออย่าท้อ ฝากความห่วงใยส่งไปถึงกัน’ คือผมอยากบอกว่า ให้คนที่รอความหวังจากคนอื่น ให้เปลี่ยนมาสร้างความหวังให้กับตัวเอง เพราะคนที่อยู่กับตัวเองตลอด ก็คือตัวคุณ คนอื่นแค่ผ่านไปผ่านมา ช่วยเหลือได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ผมเขียนเพลงนี้จบที่นั้น และถือเป็นเพลงที่ใช้ความคิดน้อย แต่ใช้ความรู้สึกร่วมกับบรรยากาศนี่เยอะ พอมาเรียบเรียงก็บอกขุน ตะวัน ว่าให้ช่วยทำดนตรีเหมือนเสียงน้ำไหล เขาก็ใช้เสีบงอังกะลุงมาช่วย มันเป็นเพลงที่ง่าย แต่ตอนที่ร้องกลับรู้สึกอิ่มเอิบ รื่นรมย์ และคนที่ให้รางวัลแก่ผมเขาอาจรับรู้ถึงความรู้สึกในห้วงอารมณ์นั้นได้
แต่ผมคิดว่า ผมไม่ใช่นักร้องที่มีคุณภาพ เสียงดี หรือมีวิธีการร้องที่แปลก มัศักยภาพการร้องสูง แต่ว่าบังเอิญผมมาร้องบทเพลงที่เขียนขึ้นเอง ด้วยความรู้สึกเต็มอิ่ม ตรงนี้มันก็เลยทำให้งานที่ออกมาค่อนข้างชัดเจน

หวังว่า “บทเพลงใต้แสงดาว” จะทำให้คุณ อิ่มเอิบ บ้างนะครับ ใครไม่เคยฟังก็ลองหามาฟัง ใครที่เคยฟังแต่ไม่รู้ที่มา ก็ลองกลับไปฟังอีกทีหลังจากอ่านบทความเสร็จ คงเป็นกำลังใจที่ดีให้ทุกคนนะครับ…

บทความโดย รัตติกาล

Exit mobile version