Thaialbums : ญารินดา ชื่อเล่นชื่ออะไรคะ
Yarinda : ชื่อ นินา ค่ะ นอนู สระอิ นอนู สระอา
Thaialbums : นาเข้ามาทำอัลบั้มชุดนี้ได้ยังไงคะ
Yarinda : ก็นาเริ่มเข้ามาที่แกรมมี่ประมาณปีครึ่งแล้วนะคะ โดยที่ก็ได้เขียนเพลงเก็บๆมา แล้วก็หลังจากเรียนจบโรงเรียนประจำที่อังกฤษก็ทำ Demo เทป แล้วก็นำมาเสนอพี่ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค เมื่อประมาณปีกว่าที่แล้ว ก็เอามาเสนอ คุยกันแล้วนาก็กลับไปต่อที่คณะสถาปัตย์ที่อเมริกาอีกปีนึง แล้วก้อพอเรียนจบปี 1 ก็กลับมาปีนึงนี่แหล่ะคะ แล้วก็เดือนสิงหาคมนี้จะกลับไปต่อปี 2
Thaialbums : ตอนนั้นทำไมตัดสินใจเข้ามาหาพี่ดี้คะ
Yarinda : เพราะว่า จริงๆแล้วถ้าเรื่องด้านเพลง คือ ชอบ ชอบทางด้านนี้มานานมากแล้ว แล้วก็อยากทำตรงนี้ แต่ว่าตอนที่อยู่โรงเรียนก็ยังไม่มีโอกาสที่จะได้หยุดมาทำ เพราะว่าอยู่เมืองนอกด้วย จะทำตรงนี้ก็ยังไม่ได้ แล้วพอเห็นว่าเรียนจบ และเพลงที่เราแต่งเก็บเอาไว้มันก็มากพอสมควรแล้ว แล้วเราก็อยากทำมากน่ะ ก็เลยแบบ รอไม่ไหวละ กลับมา 2 เดือนนี้ เราอยากให้ใครสักคนนึงได้ฟังเพลงของเรา แต่ถ้าเผื่อเราส่งคนอาจจะไม่ได้รับหรืออะไรอย่างนี้ก็ต้องรอนาน ก็เลยขอนัดพบเลยละกันและก็โชคดีว่าพี่ดี้ รับนัด ก็เลยได้เข้ามาคุยแล้วก็ได้ให้เค้าฟังเพลงเรา
Thaialbums : ตอนนั้นนี้ใช้เหตุผลหรือว่ามีอะไรมาให้พี่เค้าดูก่อนหรือยังคะ ถึงได้ตกลงกัน
Yarinda : เอ่อ ไม่มี
Thaialbums : ส่งจดหมายหรือว่าโทรเข้ามาเองคะ
Yarinda : เอ่อ โทรเข้ามา โทรเข้ามาขอพูดกับเลขาเค้า เอ่อ เพราะว่ามีคนรู้จักเคยทำงานอยู่ที่แกรมมี่ด้วย แล้วออกไปแล้ว ก็เลยขอให้เค้าช่วยด้วยว่า เนี่ยเราอยากเจอเค้ามากเลยนะ อยากให้ฟังเพลงของเรา ให้เค้าช่วยรับนัดเราเถอะ แล้วก็โชคดีที่พี่ดี้รับนัด แล้วที่เลือกค่ายนี้เพราะว่านาชื่นชอบศิลปินหลายคนที่อยู่ค่ายนี้อย่างพี่ใหม่ พี่แอม พี่ช่า พี่นิโคล อยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่า เอ่อ แกรมมี่แกรน ก็ลองดู
Thaialbums : มาคุยกันนี่บอกพี่ดี้ว่าอะไรคะ
Yarinda : มาถึงคือนาเอาเทปและวีดีโอมา พอเข้ามานาก็ให้พี่ดี้ฟังเพลง แล้วก็เปิดวีดีโอให้พี่ดี้ดูเป็นคอนเสิร์ตที่นาเคยเล่นเล็กๆกับเพื่อนๆที่เมืองนอก พอเสร็จแล้วก็เริ่มคุยกัน ก็ เค้าก็คงรู้อยู่แล้วล่ะว่าเราอยากทำเพลง ไม่งั้นเราคงไม่มาเจอเค้า แต่ว่าเค้าก็ถามเราว่า เรียนสถาปัตย์เหรอ พี่เค้าก็จบสถาปัตย์มาเหมือนกันไรงี้ เลยคุยกันเรื่องสถาปัตย์ซะส่วนใหญ่ แล้วก็เรื่องผมอะไรอย่างนี้
Thaialbums : ตอนที่เข้ามานี้คือมีความหวังว่าจะได้ทำหรือเปล่าคะ
Yarinda : ตอนนั้นอยากทำมาก แต่ว่ารู้สึกว่า คือ โอกาสมันก็ยากที่เค้าจะรับเรา แต่เราก็เราทำได้ดีที่สุดแค่นี้ คือให้เค้าได้ฟังเพลงของเรา ถ้าเค้าชอบก็นับว่าเราโชคดี แต่ถ้าเกิดเค้าไม่ชอบ เราก็ต้องไปพัฒนาตัวเอง
Thaialbums : และทราบมั๊ยคะว่าเหตุผลที่พี่ดี้เค้าให้นาทำนี่เพราะอะไร
Yarinda : เพราะสีผม เอ้ย ( หัวเราะ ) ไม่ทราบเหมือนกันคะ ก็เค้าฟังเพลงแล้วเค้าก็บอกว่า เอ่อ ตอนที่เค้าได้ฟังเพลงเค้าได้ฟังเพลงหน้ากากสีดำ แล้วเค้าก็บอกว่า มุมมองแปลกดี แต่ตอนนั้นก็คือเค้าไม่ได้รับเลยทันที พี่เค้าก็บอกว่า นากลับไปเรียนก่อนนะ แล้วก็กลับไปฝึกฝน คือ ไปแต่งเพลงเพิ่ม ไปเรียนร้องเพลงเพิ่ม ไปฝึก แล้วเราก็ติดต่อกันตลอด แล้วพอนาเรียนจบ ถ้านาดร็อปได้กลับมา ก็มาคุยกันอีกทีว่าจะเริ่มงานกันยังไง ก็คือไม่ใช่ว่าตอบรับทันทีตอนนั้นเลย แต่ว่าก็คือเป็นจุดเริ่มต้น
Thaialbums : ตอนที่เข้ามาตอนแรกนี่คือ looks เราเป็นแบบนี้เลยอยู่แล้ว
Yarinda : ค่ะ ใช่
Thaialbums : มาทำอัลบั้มนี้ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย
Yarinda : ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย
Thaialbums : ตัว Demo ที่เอามาให้นี่เขียนไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ
Yarinda : ก็เริ่มสะสมเขียนมาตั้งแต่อายุประมาณ 14 ตอนนั้นก็คือ ยังไม่ได้อะไร ก็เขียนเก็บไว้เล่นๆอะไรอย่างงี้ค่ะ แต่ก็เขียนเก็บๆมาเรื่อยๆ พอเรียนจะจบก็เลือกเอาอันที่เราชอบเป็นพิเศษเอามาทำ เพื่อจะเอากลับมาเสนอ
Thaialbums : คือเนื้อร้อง ทำนอง อะไรเรียบร้อยเลย
Yarinda : ค่ะ ก็คือ เนื้อร้อง ทำนอง แล้วก็ใส่ดนตรีคร่าว ๆ
Thaialbums : เอามาประมาณกี่เพลงคะ
Yarinda : ที่เอามาประมาณ 20 เพลง แต่ที่ใช้ในอัลบั้มนี้ 3 เพลง คือเพลง หน้ากากสีดำ ฉาบฉวย ซึ่งในเพลงนั้นนาก็ได้ขอเค้าเล่น แซ็กโซโฟน ในเพลงนั้นด้วยนะคะ แล้วก็เพลงในร้านกาแฟ ตอนแรกแต่งเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ซึ่งก็เป็น โบนัส แทร็ค ในอัลบั้ม แล้วนาก็เอามาแต่งเนื้อร้องใหม่เป็นภาษาไทย
Thaialbums : พอเอางานมาเสนอ แล้วก็กลับไปเรียนต่อ ตอนนั้นนารู้สึกยังไงคะ ว่า ได้ทำแน่ หรือว่าไม่ได้ทำยังไงคะ
Yarinda : ก็คือติดต่อกับพี่ดี้ตลอด โดยที่ตอนนั้นกลับไปก็ไปเริ่มเรียน เรียนเป็นยังไง เป็นไปได้มั๊ยที่จะดร็อปโดยที่ไม่มีผลกับการเรียน โดยที่นาก็ไปปรึกษากับอาจารย์ที่ปรึกษาของนา แล้วท่านก็บอกว่าคอร์สนี้มันยาวตั้ง 5 ปี สถาปัตย์ มีนักเรียนหลายคนที่นู้น ที่หยุดปีนึงเพื่อจะมาหางานทำ เก็บตังค์ หรือว่าอะไรอย่างนี้ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะหยุดปีนึง ไม่มีปัญหา เราก็คิดว่า เอ่อ มันไม่มีผลกับการเรียนนะ ก็เลยหยุดแล้วก็มาเริ่มทำตรงนี้
Thaialbums : ต้องปรึกษาใครมั๊ยตะว่าเราจะดร็อป
Yarinda : อ๋อ ก็คือคุยกับคุณพ่อคุณแม่อยู่ตลอดเวลา ซึ่งท่านก็เห็นด้วย ท่านก็สนับสนุนเพราะเห็นว่าเราชอบตรงนี้มาตั้งนานแล้ว
Thaialbums : จริงๆชอบมาตั้งนาน ทำไมช่วงมัธยมถึงไม่ทำคะ
Yarinda : เพราะว่าอยู่โรงเรียนประจำ แล้วมันเป็นช่วงที่ คือ มันไม่มีข้อต่อ คือมันเป็นอะไรที่เรียนไปแบบต่อเนื่องไม่ได้หยุด ม.1 ม.2 ม.3 มันแบบหยุดคั่นตรงกลางมันไม่ได้ มันเสียการเรียน เพราะเราเรียนต่อกันเป็นคอร์ส แต่ว่าสถาปัตย์ที่นาเรียนนี่ แต่ละปีเนี่ย ตัวเลือกวิชาเรียนมันไม่เหมือนกัน มันไม่ใช่อะไรที่ต่อเนื่อง ถ้าหยุดมาไม่ใช่ว่าเราจะขาดตอน
Thaialbums : พอกลับมาคุยงานแล้ว คุยกันยังไงคะ วิธีการทำงาน คอนเซ็ป เป็นไงบ้างคะ
Yarinda : ก็คือเริ่มต้นเลยนี่ก็คือ มาถึงเนี่ยพี่ดี้ก็จะแนะนำให้เรารู้จักกับ โปรดิวเซอร์ 2 คน คือ Bruno และ พี่ฟั่น โกมล บุญเพียรผล ซึ่งนาก็ได้เอาเพลงมาให้ทั้ง 2 ฟังอีกครั้ง พอฟังแล้วก็จากตรงนั้นก็เลือกว่าใน 20 เพลงนี้จะเอาเพลงไหนบ้าง พอใช้ได้ก็เอามาทำดนตรี แล้วก็เริ่มจากตรงนั้น แล้วก็เป็นการคุยปรึกษากันว่าแต่ละเพลงอยากให้คอนเซ็ปเป็นยังไง ความหมายเป็นยังไง ก็คือจะปรึกษากันตลอด
Thaialbums : แล้วมีเพลงที่ขอไปแต่งเองด้วย
Yarinda : ใช่ ก็นอกจาก 3 เพลงนั้นที่แต่งมาก่อนหน้าแล้ว ก็จะมีอีก 2 เพลงที่โปรดิวเซอร์นาเป็นคนเชียนทำนอง แล้วนาก็ขอไปเขียนเนื้อร้อง แล้วก็พอไปเขียนเนื้อร้องก็จะเหมือนเป็นการทำการบ้าน เพราะตัวนาเองก็ไม่มีประสบการณ์ทางนี้ใช่มั๊ยคะ ก็จะเป็นเหมือนนาเนี่ย เอาไปเขียน แล้วก็เอามาปรึกษากัน เค้าก็จะ เออ ตรงนี้ต้องปรับปรุงหน่อยนะ ตรงนี้ต้องเปลี่ยนหน่อย อะไรงี้ นาก็จะเอากลับไปแก้ แล้วก็จะเอามาส่งการบ้าน ก็เหมือนครูกับนักเรียน แล้วก็พอใช้ได้ก็ ok
Thaialbums : มั่นใจแค่ไหนคะ ตอนเอาตัวงานมาส่ง
Yarinda : ไม่ได้มั่นใจ แต่ที่เราเอามาเสนอนี่มันดีที่สุดแล้วเท่าที่เราจะทำได้ ตัวเราเองทำได้แล้ว ถ้าเกิดว่ามันดีพอสำหรับเค้า เราก็โชคดี
Thaialbums : แล้วถ้าเกิดว่า คุยกันแล้ว พี่ดี้ บอกว่าให้กลับไปเรียนให้จบก่อน หรือว่า คุยแล้วไม่ได้ทำเนี่ย นาจะเอางานไปคุยที่อื่น หรือว่ากลับไปฝึกแล้วยังจะเอามาเสนอที่แกรมมี่อีกคะ
Yarinda : คิดว่า ถ้าเกิดเค้าปฎิเสธ ก็คงแปลว่ามันก็คงไม่ดีพอ ก็คงต้องไปฝึกปรือ แล้วก็ต้องไปทำให้พัฒนา แล้วก็คงจะเอามาเสนอเค้าใหม่
Thaialbums : ไม่ได้มองที่อื่นไว้เลยเหรอคะ
Yarinda : ไม่ได้มองเลย
Thaialbums : เข้ามาที่แกรมมี่นี่ เข้ามาที่แกรมมี่แกรนด์ อย่างเดียวเลยเหรอคะ
Yarinda : เอ่อ จริงๆ คือไม่ได้คิดว่าที่นี่ดีที่สุด แต่ที่อื่นไม่ดี แต่ว่าโดยแนวเพลงแนวดนตรีแล้วเนี่ย แต่ละค่ายก็จะมีไม่เหมือนกัน อย่างอังกอร์ ก็จะเป็น แดนซ์ ใช่มั๊ยคะ ถ้าเกิดเป็น กรีนบีนส์ ก็จะเป็น teen หน่อยๆ pop อะไรอย่างนี้ พอดีนาดูจากการสังเกตการณ์แล้วก็ดูพี่ๆที่นาชื่นชอบ บังเอิญมาอยู่ค่ายนี้ด้วยกันหมดเลย นาก็เลยคิดว่า ถ้าเป็นค่ายนี้คงดีนะ แต่ว่ามันคงไม่ใช่ว่าถ้าเกิดเค้าปฎิเสธแล้ว การที่เราไม่ไปหาที่อื่นเป็นเพราะว่าเราไม่อยากเข้าที่อื่น แต่มันเหมือนเป็นการพิสูจน์ว่าเรายังเก่งไม่พอ ก็ต้องไปฝึกเพิ่ม
Thaialbums : คุยกัน แล้วกลับไปเขียนเพลงเพิ่มนี่ยังไงคะ ช่วงที่เอางานมาคุยกันครั้งแรก
Yarinda : ก็กลับไปแต่งเพลงเพิ่ม แล้วก็ ก็คือ อย่างเพลงหน้ากากสีดำนี่คือได้จากการที่เราได้คุยแล้ว แล้วก็กลับไปก็ไปดัดแปลงนิดนึง คือตัวมุมมองยังเหมือนเดิมอะไรอย่างนี้ แล้วก็ไปเรียนเพิ่ม ไปเรียนร้องเพลง คือเคยเรียนมาก่อนแล้ว แต่ว่าที่นาเคยเรียนมาตอนแรกที่โรงเรียนเนี่ยจะเรียนเป็นแบบ classical คือวิธีร้องแบบโอเปร่าอะไรอย่างนี้ ก็คือไปเปลี่ยนบ้างเป็นครูที่สอนให้มันออกมาแบบ pop มากขึ้นอะไรแบบนี่น่ะคะ
Thaialbums : เรียนร้องเพลงกับครูที่นู้นนี่คือ ครูฝรั่งเหรอคะ
Yarinda : ใช่ค่ะ
Thaialbums : แล้วต่างกันยังไงคะ
Yarinda : ตอนที่นาเรียนเนี่ย ครูคนแรกเป็นนักร้องโอเปร่าเลย เพราะฉะนั้นจะเป็นคนละแนวกันเลย เรียนเป็นทฤษฎี อ่านโน๊ต ร้องเป็นวิธีแบบ classic นะคะ ร้องเพลงแบบแนวบอร์ดเวย์ อะไรอย่างนี้ แล้วพอกลับมาคุยกับพี่ดี้ กลับไปก็ไปเรียนเป็นแนว pop มากขึ้น ก็คือเอาเพลง pop มาหัดร้อง เปลี่ยนวิธีการร้อง ดัดแปลง แล้วก็พอกลับมาก็มาเรียนเพิ่มเติมกับครูโรจน์ แล้วก็ครูที่มีฟ้า แต่ว่าครูแต่ละท่านก็มีเทคนิคไม่เหมือนกัน ซึ่งก็ดีกันคนละแบบ
Thaialbums : ทำไมถึงชอบดนตรีคะ
Yarinda : ทำไมถึงชอบดนตรี เพราะว่าเวลาเล่นแล้วสนุก มีความสุข เล่นอยู่กับเพื่อนก็ enjoy เป็นอะไรที่ผ่อนคลาย เวลาที่เราเครียดกับงาน เวลาอยู่ที่โรงเรียนทำงานหนัก ๆ มาหยิบกีตาร์มานั่งเล่น เอ้อ มันสบายใจดี
Thaialbums : การที่นาได้เล่นในวงดุริยางค์ คือนาเข้าไปเอง หรือว่ายังไงคะ
Yarinda : เข้าไปเอง เริ่มเล่นแซ็คโซโฟน ตอนนั้นอยู่ที่อังกฤษ เพราะว่าไปแล้วเห็นวง jazz ของโรงเรียนแล้วมันน่าสนุกนะ นาอยากไปเล่นในนั้น แต่โดยส่วนตัวก็ชอบ เคนนี่ จี มาก่อน คือเคยสนใจอยากจะลองเริ่มดู เห็นว่ามันเป็นโอกาสที่ดี ก็เลยเริ่มเล่น
Thaialbums : คู่แข่งเยอะมั๊ยในการเข้าวงดนตรี
Yarinda : ที่โรงเรียน อืม ไม่เยอะ เพราะว่าที่โรงเรียนเป็นโรงเรียนเล็กๆ เป็นโรงเรียนประจำ แล้วก็ค่อนช้างจะเป็นโรงเรียนที่ เอ่อ ครูน่ารัก ไม่ได้แบบมีการแข่งขันอะไรกันมาก เป็นแบบสนุกๆ จะไม่ได้แบบไปซีเรียส ไปเคร่งเครียดกับมัน แล้วก็เป็นการแข่งขัน ไม่ใช่ค่ะ
Thaialbums : แล้วก่อนไปอังกฤษ ที่ประเทศไทยนี่นะคะ เล่นอะไรบ้างคะ
Yarinda : ก็ตอนนั้นอยู่มาร์แต ก็อยู่วงดุริยางค์ ก็เล่นกลอง แล้วก็หัดเล่น คาริเน็ต แต่ก็คือ คาริเน็ตนี่ก็จะคล้ายๆ กับแซ็คโซโฟนค่ะ
Thaialbums : แล้วจุดเริ่มจริงๆ ตอนเด็กๆ นี่เริ่มตั้งแต่ช่วงไหนคะ
Yarinda : เครื่องดนตรีชิ้นแรกนี่คือ เปียโน ตอน 4 ขวบ
Thaialbums : ที่บ้านให้ไปเล่นหรือยังไงคะ
Yarinda : ใช่ค่ะ คือ คุณแม่ให้ไปเรียน เพราะคิดว่า มันเป็นพื้นฐานที่ดีนะ แล้วลูกเริ่มโตแล้วน่าจะมีกิจกรรมพิเศษยามว่างอะไรอย่างนี้ แต่ว่ามาค้นพบว่าตัวเองชอบจริงๆ คงเป็นตอนที่ไปเมืองนอก คือถึงเราไม่ได้เรียนเราก็หยิบมันมาเล่น เพราะว่าจำได้ว่าตอนเด็ก 4 -5 ขวบนี่ แบบ โอ้ย ขี้เกียจซ้อม แล้วต้องแบบซ้อมเพื่อจะไปส่งครู มันก็ไม่ได้ enjoy อะไร แต่ว่าพอโต ๆ มา ถึงไม่มีครูเราก็จะเล่น
Thaialbums : แล้วความฝันนี้คือ ตั้งแต่อยู่ที่อังกฤษเลยหรือเปล่าคะ คือแบบ โตขึ้นมาจะแบบเป็นนักร้องหรืออะไร
Yarinda : อยาก เอ่อ คืออยากร้องเพลง ทำงานทางด้านดนตรี อยากเขียนเพลง แต่ก็คือตอนนั้นไม่ได้คิดว่า เอ่อ จะต้องเป็นอัลบั้มของตัวเองเลยนะ เพียงแต่ว่ารู้สึกว่า ถ้าเกิดเราชอบมันมากขนาดนี้ ทำไมแทนที่จะให้มันเป็นแค่กิจกรรมพิเศษ ทำไมไม่ทำให้มันเป็นงานในชีวิตของเราจริงๆ เป็นส่วนใหญ่ของชีวิตเรา
Thaialbums : อะไรที่ทำให้นาเริ่มคิดที่จะแต่งเพลงคะ
Yarinda : เป็นคนคิดมาก แล้วก็อาจจะเป็นเพราะว่าไปประเทศอังกฤษเนี่ยตอนแรกๆ ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ใช่มั๊ย ก็ แบบเวลามีปัญหาอะไรจะระบายกับใครล่ะ ตอนที่อยู่เมืองไทยมีอะไรก็คุยกับคุณพ่อคุณแม่ แต่นี่เค้าไม่ได้อยู่ด้วย ก็เลยระบายก็คือเริ่มเขียนสมุดบันทึก แล้วก็เขียนมาเรื่อยๆ และความที่ชอบทางด้านดนตรี ก็เลย ลองร้องออกมาเป็นเพลง ก็คือเริ่มจากตรงนั้น แล้วก็เก็บสะสมมาเรื่อยๆ
Thaialbums : เพลงแรกที่เขียนละคะ
Yarinda : จำได้ว่าเป็นเพลงเกี่ยวกับป่าไม้ ตอนนั้นแกรมมี่ทุกอัลบั้มต้องมีเพลงเกี่ยวกับป่าไม้ สิ่งแวดล้อม ก็จะแบบ ขึ้นต้นมาก็แบบ ป่าไม้ บรรเลงเพลงสดใส ได้ยินเสียงน้ำไหลในลำธาร แล้วก็ร้อง
Thaialbums : ตอนนั้นอายุประมาณเท่าไหร่คะ
Yarinda : ตอนนั้นอายุประมาณ 14 ค่ะ
Thaialbums : ป่าไม้นี่เพลงแรกเลย
Yarinda : ค่ะ ออกมาก็ป่าไม้เลย ( หัวเราะ ) แต่ก็คือมาค้นพบทีหลังว่าคุณแม่จะมีเทปเก็บไว้ตอนที่นาอายุประมาณ 4 ขวบ ที่แบบนาอัดเอง ร้องสารพัดเพลงเลยอ่ะ แต่ตอนนั้นก็คือแบบร้องแบบ enjoy คนเดียวอะไรอย่างนี้นะคะ จริงๆถ้าถามว่าแต่งเพลงตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าแต่งเพลงคืออะไร แต่ว่าเราก็ชอบร้องขึ้นมาเองบ่อย ๆ
Thaialbums : แล้วทำไมถึงไปเรียนที่อังกฤษล่ะคะ
Yarinda : เอ่อ ตอนขอคุณพ่อคุณแม่ไป เพราะว่าเหตุผลจริงๆ คือเพื่อนที่สนิทที่สุดจะไป แล้วก็ตอนนั้นเรารู้สึกว่า เราอยากเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีๆได้ แล้วถ้าเกิดเราไปเรียนตั้งแต่ตอนนั้น เรามีภาษาที่แข็ง โอกาสที่จะได้เข้ามหาวิทยาลัยดีๆของอเมริกาหรืออังกฤษมันคงจะมีมากขึ้น
Thaialbums : ไปอยู่กับใครคะ
Yarinda : อยู่โรงเรียนประจำค่ะ
Thaialbums : แล้วมีญาติมีพี่น้องอยู่ที่อังกฤษมั๊ยคะ
Yarinda : ไม่มีค่ะ
Thaialbums : อย่างนี้ก็ต้องดูแลตัวเอง
Yarinda : ค่ะ ก็จะมี ตอนแรกๆ จะไปอยู่กับแฟมมิรี่ฝรั่ง แต่ว่าก็คือจะอยู่โรงเรียนประจำตลอด จะออกมาทีนึงก็แค่เสาร์-อาทิตย์
Thaialbums : ยังงี้เวลาช่วงที่แต่งเพลง และทำดนตรีก็คือช่วงที่เราอยู่ในโรงเรียน ว่าง ๆ พักผ่อนหรือคะ
Yarinda : ที่โรงเรียน คือจริงๆถ้าเกิดไม่เป็นเวลาเรียน นาก็มีเวลาค่อนข้างจะเยอะเพราะว่าเราไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องนั่งรถอยู่ในรถติดอะไรอย่างนี้ใช่มั๊ย ทุกอย่างมันอยู่ในนั้น นาก็จะมีเวลาที่จะไปนั่ง เอ่อ ใน เค้าเรียกว่า music wing คือห้องซ้อมดนตรี แล้วก็นั่งเล่นนู้นเล่นนี่ จำได้ว่า มีอยู่ช่วงนึงก็เอาการบ้านไปทำในห้องซ้อมดนตรีตลอด
Thaialbums : ส่วนมากเพลงที่เขียน เขียนที่ห้องซ้อมดนตรี หรือว่าห้องเรียน
Yarinda : ตอนแรกๆ ใหม่ๆ ก็จะเป็นที่ห้องซ้อม อาจจะไม่ได้เขียนแต่ว่าจะไปเอาเครื่องอัดเสียง มาร้อง ร้องแล้วก็อัดเอาไว้ คือจะไม่ได้เขียนออกมา พอนานๆไปเริ่ม ok เริ่มเขียน เริ่มเอากีต้าร์มาจับคอร์ดอะไรอย่างนี้ค่ะ แต่ว่าตอนเริ่มต้นก็คืออัดไป
Thaialbums : แล้วติดตามข่าวอย่างพวกนักร้องอะไรอย่างนี้ จากเมืองไทยยังไงบ้างคะ
Yarinda : คือชอบ แล้วก็คุณพ่อก็เป็นนักฟังเพลงคนนึง ก็จะส่งให้ตลอด ใครออกใหม่ก็จะส่งให้ฟัง
Thaialbums : ที่โรงเรียนประจำเป็นยังไงบ้างคะ
Yarinda : ที่โรงเรียนประจำสนุกมาก
Thaialbums : เหงามั๊ยคะ
Yarinda : ตอนแรกๆ ก็คิดถึงบ้าน เพราะว่าเราเจอสถานที่ใหม่ สิ่งแวดล้อม คน อะไรอย่างนี้ใหม่หมด ภาษาก็ยังไม่ค่อยได้ แต่ว่าพออยู่ไปนานๆก็เริ่มสนิทกับเพื่อน แล้วมันสนุกมากค่ะ เพราะว่าใช้ชีวิตอยู่กับคนที่อายุเท่ากัน
Thaialbums : แล้วไม่คิดถึงบ้านเหรอคะ
Yarinda : ก็คิดถึงบ้านเหมือนกัน แต่ว่ามีอะไรอีกหลายๆอย่างที่มีโอกาสได้ทำ มีเวลาเยอะที่จได้ไปเรียนกิจกรรม อย่างเช่น การแสดง หรือว่า เล่นอยู่ในวง หรือว่าเล่นกีฬา คือเราสามารถที่จะเล่นบาส ในขณะที่เราเรียนการแสดงเล่นละครเวทีได้ไปด้วย คือเราไม่ต้องเลือกอะไรเพราะเวลามันค่อนข้างจะเยอะ
Thaialbums : ในช่วงเรียนได้เดินทางกลับบ้านบ้างไหมคะ ทุกปีหรือเปล่าคะ
Yarinda : ก็ปีละ 2 ครั้ง
Thaialbums : แล้วอย่างเวลามีปัญหานี่จะคุยกับใครล่ะคะ
Yarinda : ก็คุยกับเพื่อนแล้วก็โทรกลับมาปรึกษากับคุณพ่อคุณแม่
Thaialbums : ส่วนใหญ่ปัญหาที่เกิดนี่เกี่ยวกับเรื่องอะไรคะ เรียนเรียน สังคม หรืออะไรคะ
Yarinda : ก็เรื่องเล็กๆน้อยๆ ทั่วๆไปนะคะ ในชีวิตก็คงมีหลายๆเรื่อง แล้วแต่ว่าตอนนั้นกำลังผ่านอะไรมา แต่ว่าก็จะปรึกษาหมด อย่างคุณพ่อคุณแม่นี่ก็จะสนิทกันมาก เหมือนกับเป็นที่ปรึกษาสามารถที่จะเป็นผู้ปกครองแล้วก็เป็นเพื่อนได้ด้วย
Thaialbums : กิจกรรมที่นาเลือก อย่างดนตรี หรืออะไรเนี่ย นาเลือกจากความสนใจของนาเองหรือเปล่าคะ
Yarinda : ใช่ค่ะ คือเริ่มตั้งแต่เปียโน หลังจากนั้นก็คือ โตมาคุณแม่คือจะ ให้เรียนอะไรก็ได้ คือตอนแรกที่จำได้นี่คือเรียนเปียโน แล้วก็เรียนบัลเล่ล์ แต่บัลเล่ล์นี่ไม่รอด ( หัวเราะ ) เรียนไปได้ 2 เดือนแล้ว โอ๊ะ ไม่ไหวแล้ว แล้วหลังจากนั้นก็คือจะเลือกเอง คุณแม่ก็ เอ่อ อยากเรียนอะไรก็เรียน ก็จะไปเรียนขี่ม้า เรียน อืม ตอนนั้นมีเรียนแบดมินตัน เรียนสควอส
Thaialbums : แนวเพลงที่ทำนี่แนวอะไรคะ
Yarinda : ART ROCK ค่ะ
Thaialbums : แนว ART ROCK ทำไมถึงทำแนวนี้คะ
Yarinda : เอ่อ เพราะว่าโดยส่วนตัวเนี่ยชอบดนตรีทุกแนวเลย ไม่ว่าจะเป็นโอเปร่า คลาสสิค ป๊อป แดนซ์ แจ๊ส อะไรอย่างนี้ ทั้งหมดเลย แต่ว่าที่ชอบมากที่สุดจะเป็น ร็อค ก็เลยจะเป็นพื้นฐานดนตรีร็อค แต่ว่าจะดีไซด์เอาจังหวะหรือเครื่องดนตรีจากแนวเพลงหลายๆแบบมาผสมกัน อย่างเพลงแค่ได้คิดถึงเนี่ย ก็จะมีไวโอลีน คือจะเป็น ออสเคสต้าทั้งวงเลย ถ้าพลาดไปแล้วก็จะเป็น อะคูสติคร็อค ถ้าเพลงหน้ากากสีดำก็จะเป็น ฮิปฮ็อป จังหวะจะหลอนๆหน่อย แต่ว่าก็ยังเป็นร็อคอยู่ดี ก็คือแต่ละกันก็แล้วแต่อารมณ์ของเพลงว่าอยากจะสื่อออกมาเป็นยังไง
Thaialbums : ใครเป็นคนเลือกคะว่า จะใช้ ฮิปฮอป ใช้อย่างอื่นอะไรยังไง
Yarinda : จะเป็นการปรึกษากันนะคะว่า เอ่อ นาชอบแนวเพลงแบบไหน แล้วพี่โปรดิวเซอร์เห็นว่าเพลงนี้ความหมายแบบนี้น่าจะเป็นยังไง อย่างเช่นเพลง แค่ได้คิดถึงเนี่ย ก็คุยกันว่ามันเป็นเพลงที่อ่านดูเนื้อหาก็จะรู้ว่ามันค่อยช้างที่จะหนาวๆขาดความอบอุ่นหน่อยๆ อะไรอย่างนี้ แล้วเสียงไวโอลีนมันก็ค่อยข้างจะโหยหวนหน่อย หรือว่าอย่างจังหวะฮิปฮอปนี่มันจะเสียงที่แบบหลอนๆหน่อย ลึกลับๆหน่อย มันก็เหมาะกับเนื้อเพลงหน้ากากสีดำ
Thaialbums : เรียกว่านามีส่วนร่วมในเพลงทุกเพลง
Yarinda : ค่ะ ก็จะเป็นการปรึกษากันตลอด
Thaialbums : กว่าจะมาเป็นอัลบั้มชุดนี้นี่ใช้เวลานานเท่าไหร่คะ
Yarinda : ก็ 9 เดือนค่ะ
Thaialbums : แล้วคิดว่าตัวนาเองร้องเพลงช้าหรือเพลงเร็วได้ดีกว่ากันคะ
Yarinda : คิดว่าร้องเพลงช้าได้ดีกว่า
Thaialbums : แล้วชอบเพลงไหนของตัวเองเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ ในอัลบั้มชุดนี้
Yarinda : เอ่อ ชอบเพลงหน้ากากสีดำ แล้วก็เพลงความงามที่ซ่อนอยู่
Thaialbums : เพลงหน้ากากสีดำเนี่ย แต่งตอนไปเล็คเชอร์นี่คิดอะไรอยู่หรือเปล่าคะ อึดอัด อะไรอย่างนี้หรือเปล่าคะ
Yarinda : อ๋อ ตัวเองไม่ได้อึดอัด แต่ว่าคือแบบเพื่อน จำได้ว่าช่วงนั้นคือแบบเพื่อนจะมาเล่าให้ฟังว่าเค้ากำลังอึดอัด ก็ตอนนั้นจริงๆไม่ได้คิด คือกำลังเดินแล้วอยู่ดีๆมันก็มีเนี่ยมันร้องขึ้นมาในหัว เราก็เลยรีบวิ่งกลับบ้านไปเขียน ไปแต่งต่อให้จบ
Thaialbums : มันเกี่ยวกับอะไร ตอนนั้นที่แว๊บเข้ามา
Yarinda : จริงๆแล้วชื่อเพลงนี่มาทีหลัง แต่ว่าตอนนั้นความรู้สึกที่ คือคนเราเนี่ยอึดอัด พูดอะไรก็พูดทั้งหมดไม่ได้ อาจจะเพราะว่าไม่อยากที่จะมีปัญหา ไม่อยากจะให้คนอื่นรู้ว่าเราแตกต่าง หรือว่าไม่อยากที่จะเปิดเผยความจริงทั้งหมดที่เราเป็นออกมา คนทุกคนต้องมีอะไรสักอย่างที่เก็บไว้เป็นความลับส่วนตัว แต่ว่าในบางเวลาเราก็อยากที่จะบอกมัน ว่าเนี่ยตัวตนฉันเป็นอย่างนี้ เข้าใจเถอะ อะไรอย่างนี้ ก็เป็นอารมณ์นั้นที่พยายามที่จะสื่อออกมา
Thaialbums : แล้วเพื่อนที่กำลังระบายกับเรา เค้าพูดถึงเรื่องอะไรคะ
Yarinda : เอ่อ เค้ากำลังบ่นกับความที่เค้ารู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจเค้าเลย แล้วเค้าอยากที่จะให้เหมือนกับว่าทำไมเค้าจะต้องอธิบายความเป็นตัวของเค้าเองออกมาเพื่อที่คนจะเข้าใจเค้าได้ ทำไมใครสักคนจะได้หยุดและคิดว่าเค้าเป็นคนแบบนี้นะ เ ข้าใจเค้าโดยที่เค้าไม่ต้องพูดอะไร ทำไมเค้าต้องออกมาประกาศตัวเองแบบนี้ด้วย
Thaialbums : แล้วอย่างเพลงแรก เพลงอะไรวะ เนี่ยกลับมั๊ยที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าใช้คำแรงไป
Yarinda : เอ่อ ไม่กลัวนะคะ ก็คือหวังว่าพอคนฟังก็จะเข้าใจว่า จริงๆแล้วความหมายมันเป็นยังไง เราไม่ได้พยายามจะสื่อออกมาว่าเราแรง เราแค่เล่ามุมมองมุมมองนึงที่เราคิดว่าทุกคนคงสัมผัสได้
Thaialbums : ดีใจไหมคะ ที่เราได้มีงานที่เราทำเป็นของตัวเอง
Yarinda : ดีใจค่ะ ดีใจมาก ที่พี่ๆให้โอกาส ให้เราได้มีส่วนในการทำงาน ได้ออกความเห็น แล้วเค้าก็ช่วยเราที่จะปรับแต่งให้ดีขึ้น คือเรามาตรงนี้เราไม่มีประสบการณ์ แล้วเราก็ไม่เก่ง เค้ามาช่วยสอนเราให้เราเก่ง
Thaialbums : หลังจากที่กลับจากคุยกับพี่ดี้แล้ว นาต้องฟังเพลงของอเมริกัน ของอังกฤษเยอะขึ้นมั๊ย มันต่างกันยังไง
Yarinda : เอ่อ ก็ฟังเยอะขึ้น ต้องไปเหมือนกับทำ research แล้วก็ฟังแนวดนตรีว่า เอ๊ะ จริงๆแล้วเราชอบแบบไหนแน่ วิธีการร้อง เนื้อหาของดนตรี เราอยากให้มันเป็นแบบไหน เราอยากให้ออกมาเป็นหวานๆ ฉันรักเธอ เธอรักฉัน หรือว่าเราอยากให้เป็นอะไรที่ลึกซึ้งหน่อย หรือว่าเป็นอะไรที่ให้ข้อคิดหรือเปล่า หรืออยากให้เป็นอะไรที่แรงๆ คือมันมีหลายแบบเหลือเกิน เราก็ต้องมาคิดว่าจริงๆแล้วที่เราชอบ ที่เราอยากให้มันออกมาเป็นแบบไหน
Thaialbums : แล้วอัลบั้มนี้ที่ทำออกมา สรุปแล้วเป็นแบบไหน
Yarinda : มันก็คือ เป็นในแบบที่เราชอบมากที่สุด ก็คือ จะเป็นมุมมองความคิดหรือว่าอะไรที่เป็นประสบการณ์ ทุกเพลงถึงแม้ว่าจะเป็นเพลงที่นาไม่ได้เขียนเองเนี่ย มันก็คือประสบการณ์ที่นาไปเจอมา มุมมองความคิดหรือสิ่งที่ไปเห็นมาหรือเพื่อนมาเล่าให้ฟังมาถ่ายทอดให้ฟังออกมาเป็นเสียงเพลง ถึงแม้ว่าเพลงนั้นจะไม่ได้เขียน แต่ว่าก่อนเริ่มทำงานนี้นาเอาไดอารี่ของนามาให้พี่ที่แต่งเพลงอ่าน เพราะเรามีความรู้สึกว่า ถ้าเค้าได้อ่านนี่ เค้าจะได้รู้จักส่วนลึกของเรามากที่สุด ได้เห็นว่าจริงๆแล้วความคิดของเราเป็นยังไง มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเราบ้าง
Thaialbums : อย่างเพลงพลาดไปแล้วนี่ ได้ข้อมูลส่วนไหนจากนาไปบ้างคะ
Yarinda : ข้อมูลโดยตรง ( หัวเราะ ) ก็เคยมีที่ไปแอบชอบเพื่อนสนิท แต่ว่าก็ไม่ประสบความสำเร็จ
Thaialbums : เป็นคนอังกฤษ หรือว่าคนไทยคะ
Yarinda : เอ่อ เป็นคนอังกฤษ ก็คือเป็นเพื่อนสนิทกัน เราบอกเค้า คือความที่เรามีอะไร เราจะไม่มีความลับต่อกัน แล้วความที่เราสนิทกันมาก บางทีมันก็ล้ำเส้นแล้วเราก็ไปรู้สึกกับเค้ามากกว่านั้น แต่ว่าพอเราแบบเราอึดอัด เพราะเรามีอะไรเราบอกเค้าตลอด เอ่อ เราบอกเค้าไปนะ แต่ว่าเค้าก็อย่าเปลี่ยนไปเลย แล้วเค้าก็เข้าใจ ตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ ก็ไม่มีอะไร
Thaialbums : คือนาเลือกที่จะบอกเค้าตรงๆ แทนที่จะระบายกับคนอื่น
Yarinda : ค่ะ ใช่ค่ะ คือเค้าเป็นคนที่ปกติเรามีอะไรเราก็บอกเค้า พอมันเกิดเรื่องนี้ปั๊ปจะให้เราไปบอกใครล่ะ เค้าเป็นคนที่เราบอกตลอด ก็เลยบอกเค้า
Thaialbums : ที่ตัดสินใจเข้ามาหาพี่ดี้นี่ เพราะว่า นาชอบอยู่ก่อนแล้วใช่ไหมคะ
Yarinda : ใช่ๆ ก็ชอบมาตั้งนานแล้ว แต่ว่าเวลายังไม่เหมาะสม เรายังมีเรื่องเรียนอยู่ เราต้องสมัครเช้ามหาวิทยาลัยให้ได้ก่อน ถึงตอนนั้นเวลามันเหมาะสมและเรามีเพลงที่พอแล้วเราถึงจะมาเสนอเค้า
Thaialbums : รอหรือเปล่าคะ ว่าต้องมีงานเข้ามาด้วย ไม่ใช่ว่าเดินเข้ามาแล้วบอกว่าเราชอบร้องเพลงนะ
Yarinda : มัน คือ เรามีเวลาไม่มากที่จะพิสูจน์ให้เค้าเห็นว่าเราชอบตรงนี้จริงๆ ถ้าเราไม่มีของมาเค้าต้องมาหาในตัวเราเนี่ย เรามีเวลาไม่พอตรงนั้นที่จะมาเริ่มจากศูนย์
Thaialbums : ทำไมถึงเลือกเรียนสถาปัตย์ นาชอบเรื่องดนตรี น่าจะเรียนทางด้านดนตรี
Yarinda : จริงๆคือชอบ ART ทุกแขนง ชอบถ่ายรูปมาก ชอบออกแบบ เรียน art แล้วก็เรียน drama เรียนการแสดง แต่คิดว่าพอมาเลือกวิชาเรียนที่มหาลัยเนี่ยวิชา art ที่มันมีพื้นฐานของวิทย์ คือนาชอบฟิสิกซ์ หรือว่า เลข อะไรแบบนี้ด้วย ก็เลยคิดว่า มันเป็นวิชาที่รวมเอาวิทย์กับศิลป์เข้าด้วยกัน ก็คงจะเป็นพื้นฐานที่หนักแน่นดี แล้วก็ตัวคอร์สก็น่าสนใจ
Thaialbums : เลือกเพราะคิดหรือเปล่าคะ ว่าจบไปแล้วเราจะทำงานอะไร
Yarinda : เลือกเพราะชอบค่ะ คือ คือคิดว่าเป็นวิชาที่ชอบมาก แล้วก็ enjoy ที่จะเรียนมาก ๆ คิดว่ายังไงก็ต้องเรียนจบ แต่ไม่ใช่วิชาที่คิดว่าจบไปแล้วจะได้ไปทำงานด้านนี้
Thaialbums : แล้วกีฬาตอนที่เล่นบาสเล่นเป็นตำแหน่งอะไรคะ
Yarinda : เล่นเป็น เซนเตอร์ เพราะตัวสูง
Thaialbums : แล้วตอนนี้ยังเล่นอยู่หรือเปล่าคะ
Yarinda : เอ่อ ตอนนี้ไม่ได้เล่น ไม่มีโอกาสเล่น
Thaialbums : สิ่งที่นาทำหลายๆอย่าง เช่น เล่นดนตรี เล่นบาส เป็นเพราะชอบ หรือว่าต้องการที่จะให้เวลาที่ว่างๆหายไป
Yarinda : ชอบ เพราะชอบค่ะ ความที่เราชอบ พอมีเวลาว่าง พอมีโอกาสเราก็เล่น ไม่ใช่เพื่อที่จะกินเวลา คงไม่ใช่ ที่ทำเพราะว่ามันสนุกได้เล่นอะไรกับเพื่อนๆอะไรอย่างนี้มากกว่าค่ะ
Thaialbums : แล้วช่วงตอนคิดถึงบ้านมากๆล่ะ
Yarinda : ร้องไห้ ตอนไปใหม่ๆนี่ร้องไห้เลย เพราะบางทีเราแบบ เรารู้สึกเหมือนว่าเราอยู่คนเดียว อย่างสมมุคิทะเลาะกับเพื่อนแล้วไม่รู้จะหันหาใคร คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่อยุ่ ก็จะเหงา
Thaialbums : ตอนมาอยู่อังกฤษใหม่ๆเนี่ย คุณพ่อคุณแม่ให้ข้อแนะนำ หรือว่าให้เราดูแลตัวเองยังไงบ้างหรือเปล่าคะ
Yarinda : ก็เป็นห่วงน่ะคะ ตรงนั้นเค้าก็ เค้าส่งเราไปเมืองนอก เค้าก็ต้องไว้ใจเราในระดับนึงแล้วล่ะนะ ว่าเราสามารถที่จะเป็นเด็กดีได้ แล้วเค้าไม่ห่วง แต่ก็จะคุยกันตลอด ติดต่อกับที่บ้านตลอดไม่ได้ขาดหาย มีเรื่องอะไรก็คุยกัน
Thaialbums : แล้วนามั่นใจแค่ไหนคะ ว่าแบบเราไปอยู่นั่นแล้วเราอยู่ได้นะ
Yarinda : ( หัวเราะ ) ตอนนั้นยังเด็กอยู่เลยค่ะ แล้วก็ไปอยู่โรงเรียนประจำ คือ ตอนแรกเลยที่ไปเนี่ย ยังไม่รู้รสชาดของโรงเรียนประจำว่ามันจะเป็นยังไง ตอนแรกไปก็มั่นมากๆ พอเข้าไปถึงปั๊ป เออ มีแต่ครูกับคนแปลกหน้า ก็แบบ ร้องไห้คิดถึงบ้านสักพักนึง แต่ว่าพอเริ่มชินก็ไม่มีปัญหาอะไรคะ
Thaialbums : นานมั๊ยคะ กว่าจะปรับตัวได้
Yarinda : ก็นานเหมือนกัน ใช้เวลาสักปีนึงนะคะ กว่าจะแบบเริ่มมีเพื่อนจริงๆจังๆ เจอคนที่เรามีปัญหาแล้วคุยได้
Thaialbums : กลุ่มเพื่อนที่สนิทกัน ส่วนมากจะเป็นคนชาติไหนคะ
Yarinda : เอ่อ ตอนที่อยู่อังกฤษก็จะเป็นคนอังกฤษ เอ่อ เพื่อนที่สนิทมากๆ ที่นู้นนะคะ ก็จะมีคนอังกฤษ 2 คน แล้วก็คนไทย แล้วก็จะมีคนหลายชาติเหมือนกัน แต่ว่าพอย้ายมาอยู่ที่อเมริกาแล้วคนจะยิ่ง international ไปใหญ่เลย ก็จะมี กรีก ฟิลิปินส์ ละตินอเมริกา
Thaialbums : ช่วงที่อยู่อังกฤษหรือว่าอเมริกา มีช่วงไหนที่นาคิดว่า ลำบากที่สุดในการใช้ชีวิตคะ
Yarinda : คงเป็นปีแรกที่ไปเรียนเมืองนอก คือที่อังกฤษ คงไม่ถึงกับลำบากมากในการใช้ชีวิต เพราะอยู่โรงเรียนประจำ ค่อนช้างที่จะ คือดูแลทุกอย่าง แต่ว่าจะเป็นทางด้านจิตใจมากกว่าที่เรารู้สึกว่า เราเหงาอะไรอย่างนี้ค่ะ แต่ว่าตอนย้ายมาอเมริกานี่ คือแบบว่า เราโตแล้ว แล้วเราก็พูดภาษาอังกฤษได้แล้ว พอตรงนั้นก็คือจะมีแค่ปัญหาการเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมที่เราต้องปรับ
Thaialbums : กับชีวิตที่อยู่ต่างแดนมาตลอด ปัญหาใหญ่ที่เจอคืออะไรเอ่ย ที่ใหญ่สำหรับเรา
Yarinda : คงเป็นเนี่ย เวลาที่คิดถึงบ้าน เวลาที่เราอยากอยู่กับครอบครัว ซึ่งค่อนข้างจะมีน้อย คือถ้าเทียบกับคนอื่นที่เค้าเจอกันทุกวัน นี่พอดร็อปมาปีนึงได้มาอยู่จริงทุกวันเนี่ย แบบ โอ้โห เรารักเมืองไทยมากๆ ( หัวเราะ ) ก็แบบเอ่อ มีทุกอย่าง
Thaialbums : แต่ที่เมืองนอกนี่ค่อนข้างจะเปิดกว้างมากในทุกเรื่อง ในส่วนนี้คุณพ่อคุณแม่เค้าสอนหรือบอกอะไรกับเราตรงนี้บ้างคะ
Yarinda : คือ เค้าต้องไว้ใจในตัวเรา แล้วก็เชื่อว่าเราเป็นคนไทย เราต้องมีความเป็นไทยอยู่แล้ว เรื่องของการวางตัว ความเหมาะสม ว่าเออ เรามีนะ เค้าก็จะไม่ห่วง แล้วอีกอย่างโรงเรียนประจำก็เป็นโรงเรียนหญิงล้วน
Thaialbums : แล้วเพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชายนี่ก็แสดงว่าเราพบเจอจากข้างนอกเหรอคะ
Yarinda : จริงๆแล้วเพื่อนนาแบบ นามีเพื่อนทั้ง 2 เพศ แบบเยอะมาก คือ ไม่ได้ปิดว่า ต้องคบเพื่อนเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น หรือว่าอะไรอย่างนี้ค่ะ อย่างอยู่ที่อเมริกาเนี่ยก็คือคบเพื่อนทั้งผู้หญิงผู้ชาย คือจะไม่ใข่ว่าอึดอัดหรือว่าขัดเขินที่จะมีเพื่อนเพศตรงข้าม ก็คือจะไม่แบ่งแยกแยะอะไรอย่างนี้น่ะคะ แต่ว่าถ้าพิเศษกว่านั้นเนี่ย การวางตัวความเหมาะสมมันก็ต้องขึ้นอยู่กับระยะเวลาแล้วก็อายุ ทุกอย่างอยู่แล้ว
Thaialbums : พอจะมีโอกาสได้ออกไปท่องเที่ยวบ้างมั๊ยคะ อย่างช่วงเวลาปิดเทอม
Yarinda : ก็มีได้ไปรัฐอื่น ได้ไปประเทศที่อยู่ใกล้ๆ
Thaialbums : เป็นยังไงบ้างคะ แต่ละที่ๆ แต่ละรัศฐที่ได้ไป มีอะไรน่าสนใจเก็บมาเป็นประสบการณ์ด้วยหรือเปล่าคะ
Yarinda : ใช่ๆ แต่ละที่ก็จะมี เราก็จะมองเห็นการใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนกัน สถาปัตยกรรม หรือว่า การใช้ชีวิตชองแต่ละที่ก็แตกต่างกันไป เราเห็นข้อดีข้อเสีย ถ้าพูดถึงตัวเองที่ไปอยู่ที่อังกฤษ กับ อเมริกามา เราได้เห็นความแตกต่างของคน ของ เอ่อ เรื่องการใช้ชีวิต เราเห็นข้อดี ข้อเสียของมัน อันไหนเราอยากเก็บมาใช้เป็นข้อดีเราก็เก็บมา อันไหนเราเห็นว่ามันอาจจะไม่เหมาะสมก็ละเอาไว้ แต่ก็รู้เอาไว้ก็ไม่เสียหายอะไร
Thaialbums : แล้วพอกลับมาเมืองไทยเนี่ย มีอะไรที่ต้องปรับให้เข้ากับคนไทยมั๊ยคะ
Yarinda : ไม่ค่ะ เพราะว่าจริงๆแล้ว ความเป็นไทยนี่ก็ยังเป็นคนไทยแท้อยู่เลยค่ะ นาก็คุยกับคุณพ่อคุณแม่อยู่ตลอด เรื่องพูดภาษาไทยอะไรอย่างนี้ มันเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องเก็บเอาไว้ ถึงคุณยายนาจะเป็นฝรั่ง เอ่อ คุณยายนาจะเป็นคนสวิสซ์ แต่ว่าก็อยู่เมืองไทยมาตั้ง 50 กว่าปีแล้ว
Thaialbums : แล้วอยากจะถามว่า ชื่อนา นี่มีคำแปลหรือเปล่าคะ
Yarinda : ไม่มีค่ะ
Thaialbums : เอ่อ นิดนึง ทำไมนาแบบเปลี่ยนสีผมแบบหลายสีมากเลยค่ะ เป็นแฟชั่นหรือว่านาอยากเปลี่ยนเอง
Yarinda : ( หัวเราะ ) เอ่อ ไม่ใช่แฟชั่นค่ะ ที่ทำเพราะว่า จริงๆตัวเองเป็นคนที่ไม่ค่อยแต่งตัว จะแบบขี้เกียจแต่งตัว ขี้เกียจแบบแต่งหน้าอะไรอย่างนี้ แต่งตัวง่ายๆสบายๆ แต่ว่าบางทีเวลาเบื่อตัวเอง อยากเปลี่ยนอะไรสักอย่าง รู้สึกว่าผมมันเป็นอะไรที่แบบสะใจที่สุดค่ะ เวลาทำแล้วมันแบบ เอ้อ..สะใจดี บางทีก็จะตัดสั้นมากๆเลย บางทีก็จะแบบเนี่ย ทำสีทำอะไรไปเรื่อย แล้วนาเชื่อว่ามันเป็นอะไรที่ทำแล้วมันก็ประหยัด แล้วเราก็ไม่ได้ไปทำร้ายใคร ไม่ได้ไปทำให้ใครเดือนร้อนน่ะ แล้วพ่อแม่เราก็รู้ว่าเราทำตรงนี้เราไม่ได้ทำเพราะก้าวร้าว หรือเราพยายามที่จะประท้วงเค้าไรงี้ ก็ไม่ใช่ แต่ว่าตอนอยู่โรงเรียนทำไม่ได้ก็ไม่ทำนะคะ แต่พอโชคดีมาอยู่อเมริกา เรียนสถาปัตย์เค้าไม่ม่ยูนิฟอร์ม จะแต่งตัวทำผม ทำอะไรก็ได้ ก็เลยทำซะเลย
Thaialbums : แล้วทำสีผมบ่อยๆแบบนี้ ผมไม่เสียเหรอคะ
Yarinda : ก็เสียเหมือนกันค่ะ ก็ต้องดูแล
Thaialbums : แล้วดูแลยังไงบ้างคะ
Yarinda : ก็ต้องหมัก หมักเยอะๆเลย และยิ่งช่วงนี้ต้องทำผมบ่อยด้วย ก็คือต้องไปอบไอน้ำ ก็คืออบไอน้ำธรรมดาตามร้านทำผมที่ไหนก็ได้
Thaialbums : อย่างนี้ก็ต้องเข้าร้านทำผมบ่อยสิคะ
Yarinda : ก็บ่อยขึ้นหน่อยนึง ปกติเมื่อก่อนก็คือจะไม่เข้าร้านทำผมเลย ตัดผมเอง แต่ว่าตอนนี้ก็ต้องดูแลนิดนึง
Thaialbums : ตัดผมเองนี่ทำไงล่ะ ข้างหลังนี่มองเห็นเหรอคะ
Yarinda : ก็ อ๊ะ ! มันก็เป็นฟิวอีกอย่างนึง ในคณะก็จะมีร้านทำผม นาก็จะเป็นช่างกับเพื่อน
Thaialbums : อ๋อ ทำเป็นช่างด้วย ตัดให้มากี่หัวแล้วคะ
Yarinda : เอ่อ ประมาณ 4 หัวได้ ( หัวเราะ )
Thaialbums : เพลงที่ฟังบ่อยตอนนี้ล่ะคะ
Yarinda : ฟังบ่อยตอนนี้ก็ Blackhead
Thaialbums : ของ Blackhead นี่ชอบเพลงอะไรคะ
Yarinda : ชอบเพลง รัก..คือ ค่ะ
Thaialbums : ชอบเพราะอะไรคะ
Yarinda : ชอบเพราะว่า ชอบความหมาย แบบเป็นการเล่าเรื่องไปเป็น step step ดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆจากต้นจนจบ มีการเปลี่ยนแปลง
Thaialbums : ผู้ชายในสเป็คที่ชอบเป็นแบบไหนคะ
Yarinda : อืม คิดไม่ออก ( หัวเราะ )
Thaialbums : งั้นมีดาราหรือนักร้องที่ชอบ ที่เป็นแบบผู้ชายในสเป็คเลยมั๊ยคะ
Yarinda : ( หัวเราะ ) เอ่อ มีนายแบบ ฮิวโก้บอส อยู่คนนึงอยู่ที่เมืองนอก แต่ไม่รู้ชื่อซะด้วยสิ
Thaialbums : แล้วถ้าเป็นคนไทยละคะ
Yarinda : ถ้าเป็นคนไทย อืม …. เรย์ แมคโดนัล ….
Thaialbums : ชอบเรย์ แมคโดนัล ชอบตรงไหนคะ
Yarinda : ก็ เท่ห็ดี แล้วเป็นตัวของตัวเองดีค่ะ
Thaialbums : ฝากอะไรถึงเพื่อนๆ ที่อยากจะทำเพลงแบบนา แต่ยังไม่มีโอกาสหน่อยค่ะ
Yarinda : หมั่นฝึกฝน แล้วก็พยายามให้มากๆ แล้วโอกาสจะเป็นของเราสักวันค่ะ